เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

รวม9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภในญี่ปุ่น แล้วคุณจะโชคดีปังปัง

รวม9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภในญี่ปุ่น แล้วคุณจะโชคดีปังปัง

01

Apr

ญี่ปุ่น

รวม9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภในญี่ปุ่น แล้วคุณจะโชคดีปังปัง

วัดอาซากุซะ (Asakusa Kannon Temple) หรือวัดโคมแดง

วัดอาซากุซะ (Asakusa Kannon Temple) หรือวัดโคมแดง
เปิดทริปเที่ยววัดญี่ปุ่นรับบุญอิ่มใหญ่กันที่ วัดอาซากุซะ (Asakusa Kannon Temple) หรือที่เรียกติดปากกันว่าวัดโคมแดง แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของมหานครโตเกียว จริงๆ แล้ววัดนี้มีชื่อว่า “วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)” เป็นวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในย่านอาซากุซะ แต่เนื่องจากเป็นวัดดังในย่านอาซากุเสะและมีเอกลักษณ์ของวัดเป็นโคมแดงคามินาริมง (Kaminarimon Gate) ขนาดใหญ่ยักษ์คนไทยจึงจึงเรียกติดปากกันว่าวัดโคมแดง ใครที่มาไหว้พระขอพรที่นี่ต้องไม่พลาดกิมมิคสำคัญคือต้องได้ลอดประตูโฮโซมง ซึ่งแขวนรองเท้าฟางที่เป็นเครื่องรางปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป หลังจากนั้นต้องมาทำนายดวงชะตากันด้วยโอมิคุจิหรือเซียมซีญี่ปุ่น ก่อนจะไปล้างมือที่โอะซุยฉะซึ่งเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อารมณ์แบบมาไหว้พระแล้วก็ต้องมาประน้ำมนต์ขอพรนั่นเอง หลังจากนั้นก่อนกลับอย่าลืมแวะรับโกะชุอินซึ่งเป็นกระดาษประทับตราวันเวลาที่เราเข้ามาไหว้พระขอพรด้วยนะคะ กระดาษใบนี้เค้าให้เป็นที่ระลึกเป็นนัยบอกให้ใครๆ รู้ว่าไปมาแล้วนะจ๊ะที่นี่  แถมมีกระดาษพรติดมือกลับมาด้วย นอกจากมาไหว้พระญี่ปุ่น ถ่ายรูปเช็คอินกับโคมแดงแล้วบริเวณ วัดอาซากุซะ (Asakusa Kannon Temple) แห่งนี้ยังมีร้านรวงมากมายให้เลือกช็อป ถูกใจสายบุญไทยแลนด์แน่นอน
ช่วงเวลาเปิด-ปิด
วัดเปิดให้ชมได้ทุกวัน ในเวลา 6:00 - 17:00 น.
ช่วงเดือนตุลาคม – มีนาคม เปิดทำการเวลา 6:00 - 16:30 น 
การเช้าชม
เข้าชมฟรี 

หลวงพ่อโตไดบุทสึ คามาคุระ Great Buddha of Kamakura

หลวงพ่อโตไดบุทสึ คามาคุระ Great Buddha of Kamakura
มาไหว้พระญี่ปุ่นกันต่อที่วัดพระใหญ่ หลวงพ่อโตไดบุทสึ คามาคุระ แห่งวัดโคโตคุอิน(Kotokuin Temple) วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองคามาคุระ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอย่างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในวัด อันที่จริงแล้วแต่เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานในตัวอาคาร แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปตัวอาคารทรุดโทรมพังลงจากพายุทำให้เหลือเพียงองค์พระประดิษฐานกลางแจ้งที่กลายเป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ สำหรับการเดินทาง เราสามารถเดินเท้าจาก Hase Station อีกประมาณ 5-10 นาที ก็จะถึงวัดแบบสบายๆ ใครมาถึงที่วัดแล้วนอกจากจะได้ไหว้พระขอพรยังสามารถเดินชมสวนรอบๆ ที่จัดไว้อย่างสวยงาม และหากมาในช่วงต้นเดือนเมษายน จะได้ชมดอกซากุระบานอีกด้วย
ช่วงเวลาเปิด-ปิด
วัดแห่งนี้เปิดทำการทุกวัน
เดือนเมษายน - กันยายน เปิดทำการเวลา8:00 น. - 17. 30 น
เดือนตุลาคม - มีนาคม เปิดทำการเวลา 8:00 น. - 17.00 น.
การเช้าชม
มีค่าเข้าชม 
นักเรียน อายุ 6-12 ราคา 150 เยน
นักเรียน อายุ 13-18 ราคา 200 เยน

วัดโทไดจิและหลวงพ่อโต โอซาก้า


วัดโทไดจิและหลวงพ่อโต โอซาก้า
วัดโทไดจิ (Todaiji) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่าวัดหลวงพ่อโต โอซาก้านั้น เป็นวัดโด่งดังระดับประเทศที่คนรักทัวร์ญี่ปุ่นต้องรู้จักกันดี เพราะสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นไดบุตสึ (Daibutsu of Nara) หรือองค์พระโตที่งดงามเป็นสง่าให้กับเมือง องค์พระโตนี้มีความสูงถึง 15 เมตร และได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนี้ในด้านสถาปัตยกรรม วัดโทไดจิ (Todaiji) ยังเป็นอาคารไม้ที่ออกแบบก่อสร้างมายาวนานและยังคงความงดงามสุดคลาสสิค อาคารไม้หลังนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สวยงามและโดดเด่นด้วยโทนสีขาวสะอาดตา และไฮไลท์อีกอย่างคงอยู่ที่เจ้ากวางน้อยที่มีอยู่มากมายในวัด มันเชื่องมากจนนักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารกวางได้แบบฟินๆ ทำให้วัดแห่งนี้เป็นอีกวัดที่คนอยากไหว้พระญี่ปุ่นต้องไม่พลาด  สำหรับการเดินทางที่สะดวกคือการเดินทางโดยรถบัสมาลงที่ Todaiji Daibutsuden Bus Stop เดินเท้าอีกประมาณ 5-10 นาที ก็ได้ไหว้พระขอพรสมใจแล้วค่ะ 



ช่วงเวลาเปิด-ปิด
เปิดทำการทุกวัน 
พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 8:00 - 16:30 น. 
มีนาคม เปิดเวลา 8:00 - 17:00 น. 
เมษายน – กันยายน เปิดเวลา 7:30 - 17:30 น.
ตุลาคม เปิดเวลา 7:30 - 17:00 น. 
การเช้าชม
ค่าเข้าชม: 500 เยน

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
มาชมไฮไลท์เที่ยววัดญี่ปุ่นของเมืองเกียวโตกันบ้าง ถ้าพูดถึง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) คนไทยส่วนใหญ่คงไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าบอกว่ากำลังจะพาไปชมศาลเจ้าแดง หรือศาลเจ้าจิ้งจอกทุกคนคงร้องอ๋อถึงบางอ้อกันทันที ก็ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) มีความโด่งดังมากถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโตเลยทีเดียว ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือ เสาโทริโทอิหรือซุ้มประตูแดงจำนวนนับพันที่เรียงรายทอดยาวไปตามเส้นทางทั้งทั้งภูเขาอินาริที่ตั้งของศาลเจ้า เสาโทริโทอิเหล่านี้ได้มาจากการบริจาคทำบุญของผู้เลื่อมใส โดยศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าชินโตที่เชื่อกันว่ามีเทพอินาริซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ดูแล เทพอินารินั้นมีสัตว์คู่กายคือสุนัขจิ้งจอก เราจึงเห็นได้ว่าทั่วบริเวณศาลจะมีสัญลักษณ์ของสุนัขจิ้งจอกจำนวนมาก ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟ JR Inari ในสาย JR Nara Line จึงสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟมาถ่ายรูปเช็คอินด์ได้ ใช้เวลาไม่นานเลย 

ช่วงเวลาเปิด-ปิด
เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน 
ไม่มีค่าธรรมเนียม 



วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple)

วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple)
ยังคงอยู่กันที่เกียวโตกับการไหว้พระขอพรจากวัดคินคะคุจิ(Kinkakuji)  วัดนี้โดดเด่น สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากเพราะเป็นวัดโบราณที่อายุเก่าแก่นับร้อยปีที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม โดดเด่นด้วยอาคารไม้สีทองอร่ามที่ตั้งอยู่ริมแอ่งน้ำ วัดแห่งนี้เดิมเป็นที่พำนักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ(Ashikaga Yoshimitsu) ที่ใช้รับรองแขกต่างๆ ต่อมาเมื่อท่านจากไปก็ได้ยกบ้านพักหลังนี้ให้กลายเป็นวัดของนิกายเซน และในปี ค.ศ. 1994 จึงได้จดทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรกดโลก นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนเมืองเกียวโต จัดให้จุดนี้เป็นไฮไลท์สำคัญอีกแห่งของเมืองเพราะนอกจากจะได้ไหว้พระญี่ปุ่นสมใจแล้ว ที่วัดแห่งนี้เราจะได้ชมความงามจากอาคารริมน้ำสีทองกับแบบเต็มอิ่ม 
ช่วงเวลาเปิด-ปิด
วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน
เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:00 น.
การเช้าชม
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 300 เยน

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu Temple)

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu Temple)
และอีกหนึ่งแลนมาร์คของทัวร์ญี่ปุ่น คือการได้มาไหว้พระขอพรพร้อมชมซากุระบานสะพรั่งที่วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu Temple) เมืองเกียวโต หรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดน้ำใส วัดนี้โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ สร้างอย่างสวยงามยื่นออกไปบนทิวเขาซึ่งถูกจัดเป็นจุดชมวิวสุดฮิตของการเที่ยววัดญี่ปุ่นและชมวิวเมืองเกียวโต อาคารไม้ที่วัดแห่งนี้นอกจากสวยงามด้วยการออกแบบแล้ว ยังน่าตะลึงอีกขั้นเพราะสร้างในสมัยโบราณโดยไม่ใช่ตะปูแม้สักตัวเดียว ยูเนสโกจึงได้ประกาศให้วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu Temple) เป็นมรดกโลกเรียกได้ว่านี่คืองานฝีมือแท้ๆของคนญี่ปุ่นยุคโบราน ส่วนที่มาของชื่อเรียกว่าวัดน้ำใสนั้น เกิดจากวัดแห่งนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วได้มีตาน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด ทำให้ผู้คนเรียกติดปากกันว่าวัดน้ำใสนั่นเอง สำหรับใครที่อยากมาชมวัดเมืองมรดกโลกแห่งนี้ แนะนำให้ขึ้นรถบัสมาลงป้าย Gojo-zaka หรือป้ายส Kiyomizu-michi แล้วเดินเท้าอีกสัก 20 ก็ได้ชมซะกุระและไหว้พระญี่ปุ่นสมใจแล้วล่ะ 

ช่วงเวลาเปิด-ปิด
วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน 
เปิดให้เข้าชมเวลา  6:00 - 18:00 น.
การเช้าชม
มีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน

วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)

วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)
เปิดทริปเที่ยววัดญี่ปุ่นทั้งที ในลิสต์ต้องมีวัดชิเทนโนจิ(Shitennoji) วัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดมีอายุมากกว่าพันปี เพราะสร้างในราวๆ  ปี 593 โดยเจ้าชายโชโทคุผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้นอกจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ล้ำค้าที่ได้รับการบูรณะอยู่เสมอ ภายในวัดยังมีโซนต่างๆ ให้เข้าชมอักมากมาย เช่น การจัดแสดงสวนโกคุราคุ-โจโดที่มีการตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม การจัดแสดงสิ่งของทรัพย์สมบัติทางประวัติศาสตร์ต่างๆ และโซนของโถงด้านในที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นที่สักการะบูชาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในทุกยุคทุกสมัยอีกด้วย ทั้งนี้บางส่วนของวัดให้เราสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ในบางส่วนก็จะมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ 

ช่วงเวลาเปิด-ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา  8:30 - 16:30 น.
การเช้าชม
มีค่าเข้าชมแบ่งตามโซนต่างๆ 
Inner precinct: 300 เยน
Gokuraku-jodo Garden: 300 เยน
Treasure House: 500 เยน


ศาลเจ้าอิมามิยะ (Imamiya Shrine)

ศาลเจ้าอิมามิยะ (Imamiya Shrine)
มาที่เทพเจ้าแห่งโชคลาภความร่ำรวยและการค้ากันบ้าง ใครตั้งใจมาไหว้พระญี่ปุ่นเพื่อขอพรด้านการค้าการขาย ต้องไม่พลาดมาขอพรที่ศาลเจ้าอิมามิยะ (Imamiya Shrine) เมืองโอซาก้า วึ่งตั้งอยู่ติดกับสถานี Imamiya Ebisu บนสาย Nankaikoya line ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ได้มีการอัญเชิญเทพเจ้าเอบิสุมาประดิษฐานตั้งแต่ปีค.ศ.1590 เพื่ออวยพรให้คนในเมืองทำมาค้าขายได้ดี เพราะในขณะนั้นเมืองโอซาก้ากำลังเปิดเป็นตลาดใหญ่การค้าทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเมืองแห่งนี้ค้าขายเจริญรุ่งเรืองผู้คนจึงมีความเชื่อว่า เอบิสุคือเทพผุ้ประทานพรและความสุขโดยเฉพาะในเรื่องการค้าและความร่ำรวยนั่นเอง สำหรับใครที่อยากมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ช่วงต้นเดือนมกราคมในวันที่ 9, 10 และ 11 จะมีเทศกาลใหญ่ชื่อว่าโทกะ เอบิสุ เป็นการสักการะเทพเจ้าที่ผู้คนมากมายจะหลั่งใหลมา มีการประดับประดาเมืองด้วยดอกไม้ต่างๆอย่างสวยงาม ถือเป็นช่วงหนึ่งที่เหมาะมากสำหรับจัดทริปไหว้พระญี่ปุ่น 




ช่วงเวลาเปิด-ปิด
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.
การเช้าชม
เข้าชมได้ฟรี