คู่มือเที่ยวโตเกียว สกายทรี ที่เที่ยวแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว พิกัดต้องไปเที่ยวให้ได้

เที่ยวโตเกียวสกายทรี ต้องรู้วิธีก่อนนะ

เริ่มต้นจากเวลาเปิด – ปิด กันก่อน ที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น. ไปจนถึง 22.00 น. แต่การซื้อบัตรต้องซื้อก่อนเวลา 21.00 น. โดยการซื้อตั๋ว มี 2 แบบ ได้แก่

แบบ Same-day Ticket ตั๋วแบบวันเดียว จะมี

- TEMPO DECK (ชมวิวชั้น 350) ผู้ใหญ่ 2,060 เยน เด็ก (12-17 ปี) 1,540 เยน เด็กเล็ก (6-11 ปี 930 เยน (4-5 ปี) 620 เยน ซื้อได้บริเวณเคาน์เตอร์ชั้น 4

- TEMPO GALLERIA ผู้ใหญ่ 1,030 เยน เด็ก (12-17 ปี) 820 เยน เด็กเล็ก (6-11 ปี) 510 เยน (4-5 ปี) 310 เยน ซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ชั้น 350

ส่วนชาวต่างชาติที่ต้องการความรวดเร็วสามาถซื้อ Fast Skytree Ticket ประกอบไปด้วย

- Single Ticket สำหรับเที่ยวชมชั้น 350 ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก (4-11 ปี) 1,500 เยน

- Combo Ticket สำหรับเที่ยวชมชั้น 350 และ 450 ผู้ใหญ่ 4,000 เยน เด็ก (4-11 ปี) 2,000 เยน

ตะลุย เที่ยวโตเกียวสกายทรี ได้เลย

หลังจากซื้อบัตรบริเวณชั้น 4 เรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องไปคือรอลิฟต์ แล้วจะพาเราขึ้นไปชั้น 350 อย่างรวดเร็ว พอประตูลิฟต์เปิดบอกเลยว่าต้องทึ่งเพราะวิวมันสวยมาก ๆ (ทั้งกลางวันและกลางคืนได้คนละอารมณ์) สามารถชมวิวได้แบบพาโนรามา 360 องศา สามารถถ่ายรูปวิวสวย ๆ ได้อย่างจุใจ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีสนุก ๆ ให้ได้เล่นด้วยนั่นคือ Tokyo Space-Time Navigator ที่สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น หน้าจอระบุได้ด้วยว่าบริเวณนี้คือย่านไหนของโตเกียว ล้ำสุด ๆ และอย่าลืมชมภาพเชียนชื่อว่า “เอโดะฮิโตะซุเบียวบุ” ผลงานจากจิตรกรที่วาดภาพนี้ขึ้นตั้งแต่ยุคเอโดะนามว่า เคไซ คุวะกะตะ ภาพวาดจะเหมือนกับโตเกียวสกายทรีแลดูสวยงามอย่างมาก

มุมจิบกาแฟชิลล์ๆ

ส่วนใครอยากจิบกาแฟชิลล์ ๆ บนวิวสูงสุดสวยก็สามารถสั่งเครื่องดื่มได้ที่ Skytree Café ที่จะตั้งอยู่บริเวณชั้น 340 และ ชั้น 350 พอพักเหนื่อยสบายใจแล้วลุยกันต่อได้เลยที่ชั้น 450 หรือ TEMPO GALLERIA กับระดับความสูง 451.2 ม. โดยอย่างที่บอกว่าใครจะขึ้นไปต่อก็ต้องซื้อตั๋วบริเวณชั้น 350 จุดนี้ถือว่าเป็น Skywalk ที่มีระดับความสูงสุดในโลก เมื่อประตูลิฟต์เปิดจะสัมผัสได้ถึงความสูงที่ต้องไม่เคยเจอมาก่อนในเมือง ความพิเศษที่เหนือกว่าชั้น 350 นอกจากระดับที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีการจัดไฟให้มองดูกว้างขวางคล้าย ๆ กับลอยบนอากาศ มีกระจกกล้องโดยรอบ รวมถึงต้องสัมผัสกับประสบการณ์ยืนบนพื้นกระจกใสวัดใจกันหน่อย ใครกล้าก็เชิญได้เลย

ของที่ระลึก Tokyo Skytree Shop

เมื่อเที่ยวชมวิวกันแบบจุใจแล้วคราวนี้ลงมาที่ชั้น 345 จะเป็นชั้นขายของที่ระลึก Tokyo Skytree Shop (กล้ารับประกันว่าเป็นร้านขายของที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นแน่นอน) และร้านอาหาร Sky Restaurent 634 จริง ๆ ตรงนี้อาจไม่ได้มีอะไรมากเป็นของฝากทั่วไปและพื้นที่เล็ก ผู้คนเบียดเสียดมาก จึงแนะนำว่าใครไม่อยากอึดอัดก็ไปช้อปกันต่อได้ที่ชั้น 1 และ ชั้น 5 แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีกิมมิกเก๋ ๆ นั่นคือ ใครที่ซื้อสินค้าจากชั้น 345 ตามยอดที่ระบุก็จะได้สติ๊กเกอร์โตเกียวสกายทรีชั้น 345 เป็นที่ระลึกด้วย และอีกความพิเศษของชั้นนี้คือจะมีตู้ไปรษณีย์ที่คงสูงสุดในญี่ปุ่นให้คุณได้ส่งโปสการ์ดกลับไปหาตัวเองหรือคนที่อยากให้ก็ได้ ใครเป็นสายสะสมแสตมป์หรือโปสการ์ดห้ามพลาดเด็ดขาด มีลายสวย ๆ ให้เลือกเยอะ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะ Sumida Aquarium

เมื่อลงมาถึงบริเวณชั้น 5 หากยังสนุกต่อก็สามารถเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะได้เลย เปิดให้บริการบริเวณชั้น 5 และ ชั้น 6 (แต่เสียเงินเพิ่มนะ) โดยที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00 น. – 21.00 น. ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 2,050 เยน เด็กโต ม,ปลาย 1,500 เยน เด็กประถมและ ม.ต้น 1,000 เยน และเด็กเล็ก 3 ปีขึ้นไป 600 เยน ภายในเป็นการจำลองแทงค์น้ำขนาดมหึมาให้เป็นท้องทะเลแห่งโอกาซาวาระ มีหลายโซนได้เดินชมทั้ง โซนแมงกะพรุน, โซนปะการัง และโซนเปิดโล่งที่จะพบกับเพนกวินและแมวน้ำน่ารัก ๆ ด้วย

เกร็ดความรู้

*** เกร็ดความรู้ ***

การเข้าชม

ค่าใช้จ่าย: 2,050 เยน

เวลาเปิด-ปิด: 9:00-21:00

วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

แนะนำห้างโตเกียวสกายทรี โตเกียวโซลามาจิ(Tokyo Solamachi) ช้อปกันต่อให้จุใจไปเลย

หลังจากเสร็จการ เที่ยวโตเกียวสกายทรี กันอย่างมีความสุขแล้วอย่าพึ่งรีบร้อนไปไหนต่อเพราะที่นี่ยังมี ห้างโตเกียวสกายทรี ที่ชื่อว่า โซลามาจิ ให้ได้ลุยช้อปกันต่ออย่างจุใจ ตั้งอยู่บริเวณฐานด้านข้างของโตเกียวสกายทรี เปิด-ปิดเวลา 10.00 น. – 21.00 น. ด้วยขนาดที่ใหญ่โตบริเวณสามารถเดินช้อปได้ตั้งแต่ชั้น 1-7 และ ชั้น 30 -31 แบ่งเป็นร้านค้าและร้านอาหารตามจุดต่าง ๆ บริเวณส่วนช้อปปิ้งมีร้านค้าเรียงรายมากมายกว่า 300 ร้าน อัดแน่นด้วยสินค้าหลากหลายเลือกได้อย่างสนุกมือทั้งเครื่องประดับ, กิ๊ฟต์ช็อป, สินค้าแฟชั่น, เสื้อผ้า, สินค้าลิมิเต็ด, อาหาร, ขนมที่สามารถหิ้วติดไม้ติดมือกันได้เลย ยกตัวอย่างร้านที่น่าสนใจเช่น

- Studio Ghibli สินค้าลิมิเต็ดที่แฟนการ์ตูนคนไทยต่างคลั่งไคล้ อาทิ อุลตร้าแมน, โปเกมอน, ฮัลโหลคิตตี้ ฯลฯ ที่ภายในร้านจะออกแบบให้ดูน่าสนใจ มีตัวการ์ตูนต่าง ๆ คอยทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

- Uniqlo แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี เข้าไปเลือกซื้อเลือกหาเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ รับรองว่าเดินเพลิน ๆ ออกมาอีกทีอาจหิ้วมาหลายถุงก็เป็นได้

- Onitsuka Tiger แบรนด์รองเท้าแนว sneaker จากญี่ปุ่นที่คนไทยชอบเอามาก ๆ เข้ามา ห้างโตเกียวสกายทรี ทั้งทีจะไม่ซื้อเสียหน่อยคงน่าเสียดายแย่เลย

- Rilakkuma Store ใครชอบตัวการ์ตูนสุดน่ารักอย่าง ริลัคคุมะ เชื่อว่าอยู่ดี ๆ เหมือนโดนพลังอะไรบางอย่างดูเข้าไปในช้อป พอกลับออกมาอีกทีก็เสียเงินแบบไม่รู้ตัวแน่ ๆ

- BAO BAO แบรนด์กระเป๋าแฟชั่นชื่อดังที่สาว ๆ ต้องตาลุกวาว อยากได้เป็นเจ้าของไปตาม ๆ กัน มาเลือกซื้อที่นี่มีแฟชั่นสวย ๆ เพียบ

เมื่อซื้อสินค้าแล้วยังสามารถคืนภาษีได้ที่บริเวณชั้น 1 ด้วย เรียกว่าช้อปปิ้งแบบสบายใจไม่ต้องเสียภาษี แบกของกลับบ้านกันสนุกแน่ ๆ แต่ถ้าใครยังอยากได้ความรู้เพิ่มขึ้นไปบนชั้น 9 ของตัวห้างจะพบกับพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ด้วย

ในส่วนของร้านอาหารก็มีให้เลือกทานกันอย่างจุใจ ชอบสไตล์ไหนก็จัดได้เลย โดยขอแนะนำร้านเด็ด ๆ ให้รู้จักคือ

- Miyatake Sanuki Udon ร้านอุด้งชื่อดังที่มีอยู่เยอะมากในโตเกียว ห้างโตเกียวสกายทรี แห่งนี้ก็ถือเป็นอีกสาขา มีเมนูให้เลือกเพียบ ทั้งอุด้ง, ข้าวหน้าเทมปุระ และอื่น ๆ อีกมากมาย

- Cheese Garden ร้านชีสเค้กชื่อดังบริเวณชั้น 2 ของตัวห้าง พร้อมนั่งดื่มเครื่องดื่มแสนอร่อย บอกเลยว่าหายเหนื่อย

- Maekawa ร้านที่ขายข้าวหน้าปลาไหลย่างที่มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ใครอยากลองลิ้มชิมรสความโบราณจากรุ่นสู่รุ่นต้องไม่พลาดร้านนี้เลย

- Yotsuba White Cosy จริง ๆ ร้านนี้มีชื่อเสียงที่เมืองซัปโปโรแต่ก็ถูกมาตั้งในห้างโซลามาจิเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวได้ทานรสชาติแสนอร่อยนั่นเอง

เกร็ดความรู้

*** เกร็ดความรู้ ***

เปิด-ปิดเวลา 10.00 น. – 21.00 น.

รู้จักกับโตเกียว สกายทรี กันหน่อย

ก่อนจะไป เที่ยวโตเกียวสกายทรี กันมาทำความรู้จักกับหอคอยแห่งนี้กันก่อน โดยเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2012 หน้าที่หลักคือเป็นหอคอยสำหรับกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุ ด้วยระดับความสูงถึง 634 ม. จึงทำให้กลายเป็นหอคอยกระจายสัญญาณที่สูงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย แต่ไม่ใช่แค่มีหน้าที่กระจายสัญญาณเท่านั้นเพราะภายในยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้ทำกันอีกเพียบ ว่าแล้วไปไล่เรียงกันดูได้เลย