รวมเทศกาลแสนพิเศษของฮอกไกโด เที่ยวได้ทั้งปี ไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ

เทศกาลหิมะซัปโปโร The Sapporo Snow Festival

เทศกาลประจำฤดูหนาวที่โด่งดังและได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็คือเทศกาลหิมะซัปโปโร ที่เกาะฮอกไกโดนั่นเอง ใครที่มาทัวร์ฮอกไกโดในช่วงที่จัดกิจกรรมเทศกาลหิมะแล้วไม่ได้แวะไปชมถือว่าพลาดสุดๆเลยค่ะ โดยเทศกาลหิมะซัปโปโรจะถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และมีระยะเวลาของเทศกาลยาวนานถึง 7 วันด้วยกัน แน่นอนว่าจุดเด่นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาชมเทศกาลหิมะซัปโปโรอย่างเนืองแน่นทุกปีก็คือรูปแกะสลักจากหิมะและน้ำแข็งที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ตระการตาถูกจัดแสดงไว้มากมาย รับรองว่าถ่ายรูปกันเพลินแน่นอน นอกจากรูปแกะสลักจากหิมะและน้ำแข็งแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของเทศกาลหิมะซัปโปโรก็คือร้านอาหารสตรีทฟูดมากมายที่พร้อมใจกันมาเปิดซุ้มขายอาหารประเภทต่างๆ โดยเฉพาะเมนูอาหารทะเลอย่างหอยเชลฮอกไกโดย่างเนย ขาปูยักษ์นึ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับนักกินที่ต้องมาโดนกันให้ได้ เทศกาลหิมะซัปโปโรถูกจัดขึ้นในสามสถานที่ภายในเมืองซัปโปโร สถานที่แรกคือ สวนโอโดริ (Odori Park) ที่ถือเป็นสถานที่จัดงานหลัก กินพื้นที่ยาวถึง 1.5 กิโลเมตร และเมื่อตะวันลับขอบฟ้า แสงไฟต่างๆก็จะส่องสว่าง ทำให้รูปแกะสลักต่างๆดูมีชีวิตชีวาและสวยงามมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก สถานที่ที่สองคือ ย่านซูซูกิโนะ (Susukino) ที่เน้นการจัดแสดงรูปแกะสลักจากน้ำแข็ง รวมถึงมีการจัดการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีถนนที่ประดับประดาด้วยไฟรูปทรงต่างๆจำนวนมากเช่นกัน ใครที่รักการถ่ายรูป อยากมีภาพไว้อวดเพื่อนๆก็ขอแนะนำย่านนี้เลย สถานที่สุดท้ายคือ ย่านสึโดเมะ (Tsudome) ที่เน้นการทำกิจกรรม เล่นเครื่องเล่นที่ทำจากหิมะและน้ำแข็งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสไลดเดอร์น้ำแข็ง สไลดเดอร์หิมะ และอื่นๆอีกมากมาย ใครที่มีน้องๆหนูๆไปเที่ยวด้วยรับรองว่าจะต้องถูกใจกับกิจกรรมมากมายที่ย่านนี้แน่นอน

เทศกาลโยสะโคอิ Yosakoi Soran

ใครที่เป็นนักเต้น ชื่นชอบกิจกรรมเข้าจังหวะเสียงเพลงไม่ควรพลาดเทศกาลนี้เป็นอันขาด เทศกาลโยสะโคอิคือเทศกาลที่รวบรวมนักเต้นทุกเพศ ทุกวัย ชาวญี่ปุ่นที่รวมตัวกันเป็นทีม ออกมาเต้นแข่งขันกัน ทุกๆปีจะมีทีมลงแข่งเต้นในเทศกาลนี้ประมาณ 300 ทีมเลยทีเดียว จุดเด่นที่ทำให้เทศกาลโยสะโคอิมีความพิเศษก็คือความสนุกสนานของการเต้น เสียงเพลงที่มีจังหวะเร้าใจ และการแต่งกาย แต่งหน้า ที่มีสีสันสดใส ถือเป็นเทศกาลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเทศกาลแสนสนุกสนานนี้จะถูกจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี บริเวณสวนโอโดริ (Odori Park) ใครที่ชื่นชอบความสนุกสนาน อยากเปิดประสบการณ์ชมการเต้นประกอบจังหวะเพลงสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมๆกับเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตในฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดเทศกาลโยสะโคอินะคะ

เทศกาลประจำปีที่ศาลเจ้าเนมูโระ-โคโตะฮิระ Nemuro Kotohira Shrine annual festival

อีกหนึ่งเทศกาลฉลองฤดูร้อนของเกาะฮอกไกโดก็คือเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นบริเวณศาลเจ้าโคโตะฮิระ ศาลเจ้าชื่อดังที่ขึ้นชื่อด้านความเก่าแก่ ความสวยงามทางธรรมชาติ และความศักดิ์สิทธิ์ ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีเท่านั้นจากสถานีรถไฟเจอาร์ สถานีโคโตะฮิระ โดยเทศกาลประจำปีนี้ถูกจัดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคมเพื่อเฉลิมฉลองฤดูร้อน มักมีระยะเวลาการจัดเทศกาล 3 วันด้วยกัน จุดเด่นของเทศกาลนี้อยู่ที่ความสนุกสนานของการแห่ศาลเจ้าขนาดย่อมไปทั่วๆบริเวณศาลเจ้า พร้อมกับการแสดงเล่นดนตรี ตีกลองสไตล์ญี่ปุ่น และเต้นประกอบจังหวะให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ชมกันในช่วงเวลาเย็น

เทศกาลโตเกียวที่ศาลเจ้าอูบากามิ Ubagami Grand Shrine Togyo Festival

เทศกาลโทเกียวที่ศาลเจ้าอูบากามิ Ubagami Grand Shrine Togyo Festival

เทศกาลโทเกียวที่ศาลเจ้าอูบากามิ ตั้งอยู่ที่เมืองเอซะชิ (Esashi) อีกหนึ่งเทศกาลท้องถิ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ยุคเอโดะ เทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นวันที่ 9 สิงหาคม ถึง 11 สิงหาคมเป็นประจำทุกปีไม่ว่าวันเหล่านี้จะไปตกอยู่ที่วันใดในสัปดาห์ก็ตาม จุดเด่นของเทศกาลโทเกียวก็คือบรรยากาศความเป็นท้องถิ่น เมื่อถึงวันเทศกาลชาวบ้านชาวญี่ปุ่นในเมืองจะมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและขอบคุณพระเจ้าที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับธุรกิจทำประมงที่ถือเป็นธุรกิจทำรายได้สำคัญของเมืองนี้ กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นทุกๆปีก็คือการเดินขบวนแห่ศาลเจ้าขนาดย่อมพร้อมๆกับโคมไฟ 13 โคมไปตามท้องถนนรอบๆเมือง โดยจุดชมที่ดีที่สุดและจะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นก็คือบริเวณศาลเจ้าอูบากามินั่นเอง

เทศกาลโคมไฟยักษ์ Yotaka Andon

หากใครที่มีแผนจะทัวร์ฮอกไกโดช่วงฤดูร้อน เราขอแนะนำหนึ่งในเทศกาลที่อลังการและตระการตาที่สุดในช่วงฤดูร้อนนั่นก็คือเทศกาลโคมไฟยักษ์ แน่นอนว่าโคมไฟต่างๆที่ถูกนำมาจัดแสดงและแห่ขบวนนั้นเป็นโคมไฟที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น ขึ้นโครงด้วยไม้ไผ่และปิดด้วยกระดาษที่มีสีสันสดใส ติดไฟเพื่อความสว่างสดใสจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเทศกาลนี้ จุดเด่นที่ทำให้เทศกาลนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวก็เพราะขนาดของโคมไฟที่มีขนาดยักษ์ใหญ่และแสงไฟที่ส่องสว่างทำให้เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ย่านที่จัดเทศกาลโคมไฟยักษ์ก็จะมีบรรยากาศที่ครึกครื้นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลยล่ะ สถานที่ที่จัดเทศกาลโคมไฟยักษ์ในฮอกไกโดมีสามจุดด้วยกัน สถานที่แรกคือเมืองนูมาตะ (Numata) มีชื่อเทศกาลเต็มๆว่า Numata-Cho Yotaka Andon Festival จุดเด่นอยู่ที่โชว์สู้โคมไฟยักษ์ (Fighting Andon) โดยจะมีโคมไฟสีสันสดใส่ส่องสว่างขนาดยักษ์สองตัว พ่นควัน พ่นไฟใส่กัน สร้างความฮือฮาและตระการตาให้กับผู้ชมมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว สถานที่ที่สองคือเมืองยาคุโมะ (Yakumo) มีชื่อเทศกาลเต็มๆว่า Yakumo Dashi Gyoretsu จุดเด่นอยู่ที่การจัดงานสไตล์งานวัดญี่ปุ่น มีเวทีแสดงดนตรี การแสดงท้องถิ่น ซุ้มอาหาร และซุ้มกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์งานวัดฤดูร้อนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมก็ต้องมาที่นี่เลยค่ะ และสถานที่สุดท้ายก็คือเมืองชาริ (Shari) มีชื่อเทศกาลเต็มๆว่า Shiretoko Shari Neputa จุดเด่นของที่นี่คือการจัดแสดงโคมไฟยักษ์ที่วาดลวดลายซามูไร และลวดลายสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงาม มีเอกลักษณ์สุดๆ นอกจากนี้ยังมีโชว์ตีกลองสไตล์ญี่ปุ่นและการเต้นสไตล์ญี่ปุ่นด้วยนะ ใครเป็นแฟนซามูไรก็ต้องแวะมาที่นี่ให้ได้เลย

เกร็ดความรู้

*** เกร็ดความรู้ ***

วันจัดงาน : วันที่ 6-7 มิถุนายน จัดเป็นประจำในวันศุกร์และเสาร์แรกของเดือนมิถุนายน

พื้นที่จัดงาน : พื้นที่สึสะวะ อำเภอโบยะเบะ

เทศกาลหิมะโอตารุ Otaru Snow Light Path Festival

มาทัวร์ญี่ปุ่นเที่ยวฮอกไกโดช่วงเทศกาลฤดูหนาวทั้งที นอกจากจะแวะชมความสวยงาม สัมผัสความสนุกที่ซัปโปโรแล้ว เราขอแนะนำให้คุณมาชมความสวยงาม สัมผัสบรรยากาศโรแมนติกที่เมืองโอตารุ อีกสถานที่หนึ่งที่มีการจัดเทศกาลหิมะ จุดเด่นของเทศกาลหิมะโอตารุไม่ได้อยู่ที่การโชว์รูปแกะสลักและรูปปั้นหิมะเหมือนที่ซัปโปโร แต่ที่นี่เน้นการประดับเมืองด้วยแสงไฟ โคมไฟ และเทียนมากมาย ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการมาเดินเล่นกับคนรักและถ่ายรูปสวยๆตามมุมต่างๆที่จัดเทศกาล

เทศกาลหิมะโอตารุถูกจัดขึ้นที่สองย่านในเมืองโอตารุด้วยกัน ทั้งสองที่ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากสถานีรถไฟเจอาร์ สถานีโอตารุ สถานที่แรกคือย่านอุงกะ ไคโจ (Unga Kaijo) ที่โดดเด่นด้านการจัดแสดงและประดับท้องถนนด้วยรูปปั้น รูปแกะสลักจากหิมะแล้วประดับด้วยแสงไฟส่องสว่าง นอกจากนี้ยังมีการประดับโคมไฟตามแนวคลองโอตารุ และเทียนจุดไฟดวงเล็กๆลอยอยู่เหนือน้ำคลองโอตารุ เรียกได้ว่าโรแมนติกสุดๆเลยล่ะค่ะ สถานที่ที่สองคือย่านทามิยะเซน ไคโจ (Tamiyasen Kaijo) โดดเด่นด้านการประดับไฟจำนวนมากเลียบทางรถไฟทามิยะเซน รวมไปถึงอาคารสไตล์ตะวันตกก็ถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีสันสดใสเช่นกัน แต่ที่ห้ามพลาดเลยก็คือร้านค้าอาหารสตรีทฟูดในย่านนี้ที่จำหน่ายอาหารจนถึงเวลาค่ำ บอกเลยว่ากินอาหารอุ่นๆไปชมแสงไฟไปฟินแน่นอนค่ะ

เกร็ดความรู้

*** เกร็ดความรู้ ***

การจัดงาน : พื้นที่จัดงานแต่ละปีมีอยู่สามแห่งด้วยกัน

1. Unga Kaijo ( บริเวณคลองโอตารุ ) [ดูแผนที่]

2. Temiyasen Kaijo ( บริเวณทางรถไฟเก่า ระหว่างสถานี โอตารุ และคลอง [ดูแผนที่]

3. Asarigawa Onsen Kaijo ( อยู่นอกเมือง ต้องนั่งรถบัสไปประมาณ 30 นาที ) [ดูแผนที่]

เทศกาลฤดูหนาวอาซะฮิกาวะ Asahikawa Winter Festival

มาต่อกันที่อีกหนึ่งเทศกาลหิมะหรือเทศกาลฤดูหนาวที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากที่ซัปโปโร ก็คือเทศกาลฤดูหนาวอาซะฮิกาวะ จัดขึ้นที่เมืองอาซะฮิกาวะ ใช้เวลาเดินเพียง 10 ถึง 15 นาทีจากสถานีรถไฟอาซะฮิกาวะคุณจะได้พบกับรูปแกะสลักหิมะและรูปแกะสลักน้ำแข็งสุดอลังการ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปกับรูปแกะสลักเหล่านี้บอกเลยว่าพลาดสุดๆ และจะมีรูปแกะสลักที่สร้างจากหิมะและน้ำแข็งหนึ่งชิ้นยักษ์ที่จะถูกใช้เป็นเวทีในการแสดงดนตรีและโชว์สุดพิเศษอื่นๆอีกมากมาย จุดเด่นที่ทำให้เทศกาลฤดูหนาวอาซะฮิกาวะแตกต่างจากที่ซัปโปโรก็คือกิจกรรมให้ความบันเทิงที่จัดเต็มกันสุดๆไม่ว่าจะเป็นสไลดเดอร์หิมะ เลื่อนหิมะ และอื่นๆอีกมากมายในโซนสวนสนุกหิมะขนาดใหญ่

เทศกาลฤดูหนาวอาซะฮิกาวะถูกจัดขึ้นที่สองสถานที่ในเมืองอาซะฮิกาวะ สถานที่แรกคือย่านอาซะฮิบาชิ (Asahibashi) ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปแกะสลักหิมะขนาดยักษ์ใหญ่ที่สุดในเทศกาล นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่กิจกรรมสนุกๆต่างๆไม่ว่าจะเป็นสไลด์เดอร์หิมะ ม้าลากเลื่อนที่คุณสามารถขึ้นไปนั่งชมบรรยากาศได้แบบฟินๆ กิจกรรมขับขี่รถเลื่อนหิมะหรือสโนว์โมบิลและอื่นๆอีกมากมาย สถานที่ที่สองคือถนนเฮวะโดริ (Heiwa Dori Street) ที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่การจัดแสดงรูปแกะสลักจากน้ำแข็งกว่า 50 ชิ้นเรียงเป็นแนวยาวตามถนนเส้นนี้ และเมื่อตะวันลับขอบฟ้า แสงไฟที่ถูกประดับประดาไว้ตามรูปแกะสลักเหล่านี้ก็จะสว่างไสวขึ้นมา ทำให้รูปแกะสลักน้ำแข็งเหล่านี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลยค่ะ

งานคริสต์มาสแฟนตาซี ฮาโกดาเตะ Hakodate Christmas Fantasy

สำหรับใครที่อินกับเทศกาลคริสต์มาส หลงรักการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็ต้องห้ามพลาดที่จะแวะมาชมงานคริสต์มาสแฟนตาซี ที่โกดังอิฐแดง (Akarenga-sokogun Plaza) เมืองฮาโกดาเตะ จุดเด่นที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายสำคัญของคนที่รักการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสก็คือต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ถูกประดับประดาด้วยไฟสีสันสดใสเป็นหมื่นดวงกันเลยทีเดียว นอกจากคุณจะได้ไปรับลมหนาวและชมแสงไฟสวยๆแล้ว บริเวณงานนี้ยังมีร้านขายอาหารเมนูซุปร้อนๆให้คุณได้ซื้อมาซดคลายหนาวกันอีกด้วย รับรองว่าใครที่ชื่นชอบเทศกาลคริสต์มาสมาที่นี่ฟินแน่นอนค่ะ

ช่วงเวลาจัดเทศกาล : งาสคริสต์มาสแฟนตาซี ฮาโกดาเตะมักจัดขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนธันวาคม สามารถเข้าชมความสวยงามของแสงไฟได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 4 โมง 30 นาที ถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน

เทศกาลดอกไม้ไฟคาจิไม Kachimai Fireworks Festival

เอาใจคนที่ชื่นชอบความสวยงามของดอกไม้ไฟ ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตดอกไม้ไฟสวยงามหลากหลายประเภทฝีมือเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆของโลก ซึ่งเทศกาลดอกไม้ไฟที่โด่งดังมากในเกาะฮอกไกโดก็คือเทศกาลดอกไม้ไฟคาจิไม จัดขึ้นทุกปีที่บริเวณริมแม่น้ำโทคาจิ (Tokachi riverside) เมืองโอบิฮิโระ (Obihiro) เดินทางไปที่บริเวณจัดงานง่ายมากๆค่ะ ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟโอบิฮิโระเพียง 20 นาที จุดเด่นของเทศกาลดอกไม้ไฟนี้นอกจากความสวยงามอลังการแล้วนั่นก็คือจำนวนของดอกไม้ไฟที่มีมากถึง 20,000 ดวงถูกยิงประกอบจังหวะเสียงเพลง เกิดเป็นโชว์ดอกไม้ไฟสุดพิเศษที่หาดูที่ไหนไม่ได้ยกเว้นที่นี่ ดังนั้นหากคุณอยากไปชมโชว์ดอกไม้ไฟสุดตระการตาที่นี่เราขอแนะนำให้คุณไปถึงบริเวณจัดเทศกาลก่อนเวลาเพื่อที่จะได้อยู่ในจุดที่เห็นโชว์ดอกไม้ไฟชัดที่สุดนั่นเองค่ะ

เกร็ดความรู้

*** เกร็ดความรู้ ***

เทศกาลดอกไม้ไฟนี้เป็นเทศกาลที่มีชีวิตชีวาอย่างสวยงาม จัดงานขึ้นในตัวเมืองโอบิโิโระตั้งแต่วันที่ 14 - 1 6 สิงหาคมทุกปี เริ่มแสดงดอกไม้ไฟเวลา 19:30 น.

เทศกาลศาลเจ้าฮอกไกโด Hokkaido Shrine Festival

เทศกาลศาลเจ้าฮอกไกโด เทศกาลที่เอาใจนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบคนท้องถิ่น เรียนรู้วัฒนธรรม ไปพร้อมๆกับการกินอาหารสตรีทฟูดแสนอร่อย เทศกาลนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นอย่างมาก คุณจะเห็นชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัยหลายคนแต่งกายในชุดท้องถิ่นอย่างชุดยูกาตะมาร่วมงานเทศกาลนี้เป็นจำนวนมาก จุดเด่นที่ทำให้เทศกาลนี้เป็นที่นิยมอย่างมากก็เพราะความยิ่งใหญ่และความสนุกสนานที่จะเกิดขึ้นภายในเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการแห่ขบวนพาเหรดสไตล์ญี่ปุ่น การแสดงเต้น การแสดงดนตรี ร้านอาหารสไตล์งานวัดมากมาย นอกจากนี้ยังมีซุ้มกิจกรรมสนุกๆให้ร่วมอีกด้วยอย่างบ้านผีสิงสไตล์ญี่ปุ่น การเดินทางมาที่บริเวณจัดงานเทศกาลนี้ก็ง่ายมากๆค่ะ ศาลเจ้าฮอกไกโดตั้งอยู่ในสวนมารุยามะ (Maruyama Park) ใกล้กับสถานีรถไฟมารุยามะ ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้กิจกรรมบางส่วนของเทศกาลยังถูกจัดที่สวนนากะจิมะ (Nakajima Park) ซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน สถานีสวนนากะจิมะเช่นกันค่ะ

เทศกาลลานเบียร์ซัปโปโร Fukushi-kyosan Sapporo Odori Beer Garden

เอาใจคอเบียร์กันบ้างกับเทศกาลประจำฤดูร้อนของเมืองซัปโปโร แน่นอนว่าจุดเด่นที่ดึงดูดคอเบียร์จากทั่วโลกก็คือลานเบียร์ (Beer Garden) ที่กินพื้นที่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตรในสวนโอโดริ (Odori Park) จุคนได้มากถึงหมื่นคน นอกจากที่เทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นในพื้นที่ที่กว้างแล้ว เทศกาลนี้ยังมีระยะเวลาการจัดงานที่ยาวนานถึงเกือบหนึ่งเดือน ถือได้ว่าเป็นเทศกาลลานเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยล่ะ ภายในเทศกาลก็มีร้านค้า ผู้ผลิตเบียร์มากมายจากทั่วโลกมารวมกันอยู่ที่งานนี้ แต่ดื่มเบียร์อย่างเดียวอาจฟินไม่สุด ภายในเทศกาลยังมีร้านค้าอาหาร กับแกล้ม มาเปิดขายมากมายอีกด้วย งานนี้คอเบียร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจริงๆ

เทศกาลหอยนางรม อักเกชิ Akkeshi Oyster Festival

เทศกาลหอยนางรมนี้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อเอาใจนักกินผู้มีใจรักในอาหารทะเลและหอยนางรมญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งเทศกาลนี้ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการผลิบานของดอกซากุระในเมืองอักเกชิ เทศกาลกินหอยนางรม ชมซากุระนี้จัดขึ้นที่สวนเนโนะฮิ (Nenohi Park) จุดเด่นของเทศกาลนี้ก็อยู่ที่การคุณจะได้ซื้อหอยนางรมและอาหารทะเลอีกหลากหลายชนิด มานั่งย่างเองกันสดๆร้อนๆภายในสวนเนโนะฮิ หรือหากคุณไม่ต้องการนั่งย่างอาหารทะเลด้วยตัวเอง ภายในเทศกาลก็ยังมีซุ้มจำหน่ายเมนูอาหารทะเลปรุงกันสดใหม่ทุกวันนับสิบร้าน แล้วคุณก็สามารถถืออาหารเหล่านั้นมาหาที่นั่งบนพื้นหญ้า นั่งกินอาหารร้อนๆพร้อมกับชมทิวทัศน์อันสวยงามของต้นซากุระที่ออกดอกผลิบานจำนวนมากกว่าพันต้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีที่ไหนทำได้เหมือนแน่นอน การเดินทางไปที่สวนเนโนะฮิแห่งนี้ก็สะดวกสบายมากๆ เพียงแค่คุณนั่งรถไฟเจอาร์มาลงที่สถานีอักเกชิ แล้วนั่งรถบัสสายคุชิโระ (Kushiro bus) ไปลงที่ป้ายสวนเนโนะฮิ (Nenohi Koen) ใช้เวลาเพียง 20 นาทีคุณก็จะได้ร่วมเทศกาลสุดฟินนี้แล้ว