19
May
ญี่ปุ่น
เที่ยววัดคินคะคุจิหรือวัดทอง แห่งเมืองเกียวโต ( KInkakuji )
วัดคินคะคุจิหรือวัดทองเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น วัดคินคะคุจิ ( Kinkakuji ) หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อของ วัดทองเกียวโตตามความหมายของชื่อภาษาญี่ปุ่นเพราะมีปราสาทคินคะคุจิทองคำ( Golden Pavilion ) ที่มีความงดงามโดดเด่นของศิลปะการสร้างชั้นสูงของญี่ปุ่น วัดแห่งนี้มีชื่อทางการว่าวัดโรกูอนจิ ( Rokuon-ji ) ที่มีความหมายว่าวัดสวนกวาง วัดแห่งนี้มีความเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1397 เพื่อใช้เป็นที่พำนักของโชกุน Ashikaga Yoshimitsu เป็นอาคารไม้สามชั้น มีความสูง 12.5 เมตรใช้เป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ
ภายหลังจึงกลายเป็นวัดในปัจจุบัน และด้วยความงดงามตระการตาจึงกลายมาเป็นต้นแบบของวัด Gingakuji หรือวัดเงินที่สร้างในเวลาต่อมาระหว่างช่วงสงครามโอนิน ปีค.ศ.1467–1477 วัดได้ถูกไฟไหม้ แต่ครั้งที่สำคัญที่สุดคือในปี ค.ศ. 1950 ตัว Golden Pavilion ได้ถูกเผาโดยพระชื่อ Hayashi Yoken ซึ่งเป็นผู้มีความวิกลจริต ทำให้ได้รับความเสียหายจนแทบไม่เหลือซาก ดังนั้นวัดคินคะคุจิในปัจจุบันนั้น ก็คือตัวอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1955 โดยยังรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ และยังได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการใช้แผ่นทองสรรค์สร้างจนได้เป็นความงดงามอย่างที่เห็นในปัจจุบันในปี ค.ศ. 1994 ที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญกับญี่ปุ่นและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเกียวโต Golden Pavilion
ในปัจจุบันเป็นอาคารไม้ที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่เนื่องจากหลังเดิมถูกไฟไหม้ โดยรักษาเอกลักษณ์ รูปแบบโครงสร้างดั้งเดิมเอาไว้ เปลี่ยนรูปแบบของหน้าต่าง เป็นอาคารไม้สามชั้น มีความสูง 12.5 เมตร ใช้เป็น shariden หรือที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้ถูกนำไปใช้กับวัดคินทอง ความโดดเด่นคือสีทองอร่ามของตัวตำหนักทองคำที่ใช้แผ่นทองคำค่อยๆ รังสรรค์เป็นความสวยงามที่ดึงดูดให้คนมาชมความงามตลอดปี ทางวัดจะมีการจัดการทางเดินให้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการถ่ายภาพ Golden Pavilion สามารถถ่ายรูปได้งดงามหลากหลายมุม แต่ที่นิยมกันคงเป็นนี้ตรงตัวเรือนทอง ที่นี่จะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือจะเป็นฤดูหนาวก็ให้ฟีลเหมือนฝันไปอีกแบบ
ฉะนั้นเมื่อมาเมืองเกียวโตนี่อย่าพลาดมาชมอาคารสีทองเลยนะคะ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น อีกจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวที่เคยไปสัมผัสพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยมาก ก็คือเงาสะท้อนของตัวเรือนสีทอง เมื่อเงากระทบกับผิวน้ำและในแต่ละฤดู วัดแห่งนี้จะให้ความสวยที่แตกต่างกันออกไป
ฤดูใบไม้ผลิ
จะมีดอกซากุระ ออกดอกเบ่งบานเต็ม เรียงรายรอบๆตัวเรือนสีทองหลังนี้ ให้บรรยากาศดอกซากุระสีสวยอมชมพูดูสดใส ฤดูใบไม้ผลินักท่องเที่ยวจะเยอะหน่อยนะคะ เพราะที่วัดคินคะคุจิแห่งนี้ จะมีดอกซากุระออกดอกมากเป็นพิเศษ
ฤดูหนาว
หิมะก็จะตกโปรยปรายสวยมีเสน่ห์เหมือนต้องมนต์ หลุดลอยเข้าไปในวัดหรือหนังซีรีส์ก็ว่าได้ ในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะหนาตกปกคลุมทั่วพื้นที่ ให้ความสวยไปอีกแบบ ส่วนใน
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ท่ามกลางวัดทองแห่งนี้เรียงรายเต็มไปด้วยใบไม้สลับสี ไม่ว่าจะเป็น สีเขียว สีส้ม สีแดง สีเหลือง ให้บรรยากาศญี่ปุ่นแต่ยังทันสมัยอยู่ เพราะตัวเรือนสีทองเด่นสง่า เพราะความสวยตราตรึงขนาดนี้เลยดึงดูดนักท่องไปสัมผัสเป็นอย่างมาก และภายในวัดทองแห่งนี้ยังมีสถานที่ชงชาด้วยนะคะ สามารถมาเที่ยวชมชงชาดื่มกันได้กันคะ คุ้มค่ากับการมาเยือนอย่างแน่นอน
การเข้าชม
การเข้าชม มีค่าเข้านะคะ ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 500 เยน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและชั้นประถมศึกษา จะอยู่ที่ 300 เยน เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00-17:00 น. ค่ะ
วิธีการเดินทาง
การเดินทางเฉพาะรถบัส สามารถเดินโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3 นาที จากป้ายรถบัส Kinkakuji-mae bus stop (รถบัสสาย 12, 59) และเดิน 5-10 นาทีจากป้ายรถบัส Kinkakuji-michi (รถบัสสาย 101, 205) ตามป้ายบอกทาง หรือสอบถามเจ้าหน้าที่สถานีได้เลย ก็สามารถมาถึงโดยง่าย