22
Mar
ตุรกี
เที่ยวตุรกี ฮาเกียโซเฟีย อิสตันบูล ประเทศตุรกี เรื่องราวเม้าประวัติศาตร์ ตอนที่1
ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ความอลังการที่สร้างมากว่า 1,500 ปี สัญลักษณ์ของความศรัทธาทางศาสนา และสถาปยกรรมล้ำค่า ตอนนี้ เรายังคงเดินเล่นอยู่ในนครที่เป็นหัวใจของกรุงคอนสแตนติโนเปิล.. จัตุรัสสุลต่านอาห์เมท (Sultanahmet Square) ซึ่งบริเวณนี้มีสถานที่น่าสนใจให้เราเข้าชมหลายที่ ชาขมว่าเราจะใช้เวลาในการเยี่ยมชมจุดนี้ก็น่าจะไม่น้อยกว่า 1 วันเต็มค่ะ เพราะถ้าชมอย่างเร่งรีบ ก็จะทำให้พลาดความงาม ความอลังการ ซึ่งสะท้อนความศรัทธา ในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีอายุกว่า 1,000 ปี และในช่วงเวลานับพันปีนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่น่าระทึก น่าสนใจให้เราได้ศึกษาและเข้าใจผลของการส่งต่อทางศาสนา และวัฒนธรรมได้จนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ และที่แห่งนี้ ฮาเกียโซเฟีย เป็นที่โปรดของชาขม มาหลายรอบ ก็ยังรู้สึกสนุก และทึ่งในการสร้างอาคารโดมใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ รวมไปถึงความงามวิจิตรทั้งของตัวตึก และภาพโมเสกภายในที่มีค่ามีเรื่องราว ก็ทำให้มากี่ทีก็ไม่รู้เบื่อค่ะ ^_^ เราเยี่ยมชม และย้อนอดีตไปฟังเรื่องราว และเรื่องเล่าของ ฮาเกียโซเฟียด้วยกันค่ะ
วันที่หนึ่ง - ความหมายของ ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ในภาษากรีก
ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) เป็นภาษากรีก มีความหมายว่า ปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Wisdom) เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโบสถ์ แต่ภายหลังถูกเปลี่ยนให้เป็นมัสยิด ในปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ ... และอาคารอลังการที่เห็นเช่นทุกวันนี้นั้น ก็เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว.. แล้วเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น ชาชมจะเล่าให้ฟังค่ะ ; ) มหาวิหารฮาเกียโซเฟียแห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีนั้น สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าคอนสแตนติอุสที่ 2 (Constantius II) เรียกชื่อโบสถ์ว่า โบสถ์อันยิ่งใหญ่ (Great Church) เปิดตัวให้ประชาชนได้เข้านมัสการพระเจ้าในปี ค.ศ. 360 นับเป็นวิหารใหญ่ที่มีเสาหิน และระเบียงสไตลละติน มีหลังคาทำด้วยไม้ นับได้ว่าเป็นวิหารใหญ่ที่มีความงามโดดเด่นมากในยุคนั้น ต่อมาถูกไฟไหม้เสียหายในปี ค.ศ.404 และน่าเสียดายที่ไม่มีอะไรหลงเหลือเลยจากโบสถ์แรกนี้
วันที่สอง - โบสถ์ที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5
วันที่สาม - ฮาเกียโซเฟียที่ 3 สร้างในปี 532
วันที่สี่ - แผ่นดินไหวในปี 553 และ 557 เป็นเหตุให้โดมแตกร้าว
ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวในปี 553 และ 557 เป็นเหตุให้โดมหลัก และโดมครึ่งวงกลมด้านทิศตะวันออกร้าวแตก และโดมหลักได้พังทลายทั้งหมดในแผ่นดินไหวปี 558 จักรพรรดิทรงสั่งให้บูรณะในทันที โดย Isidorus ใช้วัสดุที่เบากว่าเดิมในการสร้างโดมสูง 30 ฟุต หรือ 6.25 เมตร และการตกแต่งในอาคารสูง 55.6 เมตร เค้าได้เปลี่ยนให้ซี่ของโดมแคบลง ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 32.7 และ 33.5 เมตร ทั้งจัสตินเนียนยังสั่งให้นำเสาหินโครินทร์ (Corinthian Columns) ถอดชิ้นส่วน แล้วล่องเรือมาจากเมืองบาลเบก เลบานอนราวปี 560… การบูรณะเสร็จสมบูรณ์ในปี 562 หลังจากความงดงามอลังการนี้ โดมในฮาเกียโซเฟีย ก็มีการถล่มลงมาอีกหลายครั้งเพราะแผ่นดินไหว และก็ได้มีการบูรณะตามแต่รัชสมัยองค์พระจักรพรรดิตลอดระยะเวลาเกือบพันปี รวมทั้งมียุคที่ต่อต้านรูปเคารพ ทำให้มรดกทางศาสนา และประวัติศาสตร์หลายๆ อย่างสาบสูญไป
วันที่ห้า - กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกชาวออตโตมันยึดครองในปี 1453
ต่อมากรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกชาวออตโตมันยึดครองในปี 1453 โดยสุลต่านเมเมทที่ 2 (Sultan Mehmet II) ซึ่งตอนนั้นฮาเกียโซเฟียก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีแล้ว.. สิ่งแรกที่สุลต่านเมเมทที่ 2 ทำคือการเปลี่ยนโบสถ์แห่งนี้ให้กลายเป็นมัสยิด ขณะนั้นสุลต่านย่างเท้าเข้าไปในโบสถ์แห่งนี้และเห็นประชาชนชาวโรมันหลบซ่อนอยู่ในโบสถ์ พระองค์ตรัสว่า ไม่ต้องกลัวเรา พวกเจ้าคือประชาชนของเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และทรงสั่งให้บูรณะ รวมถึงไม่เคยทำลายสิ่งใดๆ เพราะพระองค์ทรงเคารพความแตกต่างของศาสนา ส่วนภาพโมเสกที่ประดับอยู่ในโบสถ์นั้น ได้นำปูนมาโบกทับ เพราะในมัสยิดจะไม่มีภาพหน้า และภาพคนใดๆ ... สุลต่านได้เข้าไปในการสวดวันศุกร์ครั้งแรก เมื่อปี 1453 และได้ใช้ที่นี่เป็นมัสยิดของราชวงศ์เป็นแห่งแรกของอิสตันบูล
วันที่หก - สร้างหอคอยเพิ่ม
ก่อนปี 1481 มินาเร่ (Minaret) หรือหอคอยของมัสยิด..หอคอยเล็กถูกสร้างทางมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมาสร้างเพิ่มอีก 1 หอคอยด้านมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ใน 2 หอคอยนี้ถล่มลงมา เพราะแผ่นดินไหว...ต่อมาหอคอยทั้งสองถูกแทนที่ด้วย 2 หอยคอยสร้างมุมแทยงกันในทิศตะวันออก และตะวันตกของตัวอาคาร ในยุคสุลต่านสุไลมานผู้ยิ่งใหญ่ (Sultan Suleiman The Magnificent) ช่วงศตวรรษที่ 16 วิศวะแผ่นดินไหวอย่าง มิมาร์ ซีนาน (Mimar Sinan) ก็ได้สร้างอีก 2 หอคอยใหญ่สุดมุมอาคารด้านทิศตะวันตก
วันที่เจ็ด - ปี 1935 ฮาเกียโซเฟียถูกใช้เป็นมัสยิด