22
Mar
เวียดนาม
วัดเจดีย์เทียนมู่ วัดเทพธิดาที่เมืองเว้ เที่ยวเวียดนาม ต้องไปให้ได้
ประวัติการสร้างเจดีย์เทียนมู่ ในปี พ.ศ.2144 (คศ.1601)
ประวัติการสร้างเจดีย์เทียนมู่ ในปี พ.ศ.2144 (คศ.1601) ตามดำริของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) เจ้าผู้ปกครองเมืองเว้ (หรือเมือง Thuận Hóa) ในขณะนั้น เมื่อครั้นที่ท่านได้ร่องเรือเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของบ้านเมืองโดยรอบ และต่อมาได้ยินเรื่องเล่าของชาวบ้านบริเวณนี้เข้าว่า มีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีคนเห็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง( Thiên Mụ หรือเทพธิดา) สวมชุดสีแดง ฟ้า นั่งเช็ดแก้ม ตรงบริเวณภูเขาที่ได้สร้างเจดีย์ในปัจจุบัน หญิงผู้นี้ได้บอกว่าวันหนึ่งจะมีผู้ยิ่งใหญ่มาสร้างเจดีย์บริเวณนี้และจะนำสันติสุขมาสู่เมือง เมื่อขุนนาง Nguyen Hoang ได้ผ่านมาและทราบเรื่องเข้าจึงสร้างเจดีย์ขึ้น และให้ชื่อว่า Chua Thien Mu มีความหมายว่า เจดีย์นางฟ้า หรือ คนไทยเรียกว่า วัดเทพธิดาราม เป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูง 7 ชั้น เชื่อว่าเป็นตัวแทนภพชาติต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ทางด้านซ้าย-ขวา เป็นที่ตั้งของศิลาจารึก ระฆังสำริดขนาดใหญ่ หนักถึง 3285 กิโลกรัม ที่ประตูทางเข้าสู่บริเวณภายในวัด มีรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ คอยยืนปกปักษ์รักษาไม่ให้ความชั่วร้ายผ่านเข้ามา
การเสียสละของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก Thich Quang Duc วัย 73 ปี
วัดเจดีย์เทียนมู่ ถือว่าเป็นพุฑสถานที่มีประวัติศาสตร์สำคัญใหญ่ยิ่ง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดรวมพลรวมจิตใจของชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาพุทธ ที่ต่อต้านรัฐบาลโวดินห์เดียม ที่วันหนึ่งรัฐบาลนี้ผู้นำเองได้นับถือศาสนาคริสต์ และมีพฤติกรรมฉ้อราฏร์บังหลวง สั่งให้ทำลายผู้ที่นับถือศาสนาพุทธทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือแม่ชี ซึ่งมีมากกว่า 90% อย่างรุนแรงและทารุนโหดร้าย ท่านไหนมาเที่ยวที่นี่อาจจะมีคงอนสะเทือนใจไม่ได้ เมื่อเห็นรถออสติน ที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก Thich Quang Duc วัย 73 ปี ประกาศอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ในวันที่ 11 มิถุนายน 2506 ด้วยการเผาตนเอง ณ กรุงไซง่อน หลังจากเหตการณ์ทารุนโหดร้ายของรัฐบาลโวดินห์เดียมได้จบลง รถออสตินคันสีฟ้าที่พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ได้ใช้เป็นพาหนะขับไปจอดที่กลางกรุงไซ่งอน และทำการเผาตัวเอง หัวใจของท่านก็ถูกนำมาเก้บไว้ในสถูปทองคำ ที่วัดเทียนมู่จนถึงปัจจุบัน
ชมความสวยงามและเดินเที่ยวรอบๆ วัดเจดีย์เทียนมู่
เมื่อเพื่อนๆได้อ่านประวัติศาสตร์แล้ว ก็ขอให้เพื่อนๆคิดซะว่านั่นคืออดีตไปแล้ว คนเวียดนามทุกคนอยู่กับปัจจุบันไปแล้ว และจะไม่มองย้อนไปข้างหลังว่าเจออะไร ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และก้าวไปไกลกว่าประเทศอื่นๆในไม่ช้าอย่างแน่นอน