22
Mar
ตุรกี
เที่ยวตุรกี นครใต้ดินไคมัคลี ประเทศตุรกี เมืองใต้ที่ใหญ่ที่สุด และมีอายุกว่า 4 พันปี
คัปปาโดเกีย แปลว่า The Land of Beautiful Hourses ดินแดนแห่งอาชาที่แสนงามสง่า ในภาษาเปอร์เชียนโบราณ นับพันปีก่อน คัปปาโดเกียมีฟาร์มม้ามากมาย และส่งให้แก่กองทัพเปอร์เชีย ซึ่งเรียกดินแดนแถบนี้ว่า คัท พัท ทุ คะ เมื่อชาวเติร์กเข้ามายึดครองต่อมา จึงยังคงใช้คำเดิมซึ่งนั่นก็คือ คัปปาโดเกีย และออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า คัปปาโดเชีย และแม้ในปัจจุบัน ก็ยังมีฟาร์มม้าอยู่ในเมืองนี้ค่ะ คัปปาโดเกีย แยกเป็น 2 ภาค เหนือ และใต้ ณ ตอนนี้เราอยู่ทางเหนือ ถึงมีไร่มากมาย มีพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Open Air Museum มีโบสถ์ และเรากำลังมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ ซึ่งมี Underground City นครใต้ดินซึ่งมีประมาณ 40 เมืองทางใต้แห่งนี้ และเราจะไปยัง Kaymakli Underground City ซึ่งเป็นหนึ่งในนครใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในคัปปาโดเกีย ทั้งหมดของเมืออยู่ใต้ดิน ดังนั้นมีข้อพึงระวังคือ หากใครมีปัญหาข้อเข่า อาจจะไม่เหมาะกับการลงไปเยี่ยมชม เพราะมีช่วงที่เราต้องเดินย่อตัวไปตามอุโมงค์แคบๆ ทางยาวประมาณ 20-25 เมตร หรือเป็นคนกลัวที่แคบ ก็ไม่แนะนำค่ะ
วันที่หนึ่ง - นครใต้ดินไคมัคลี
นครใต้ดินไคมัคลี สร้างมาวันที่เท่าไหร่ ไม่ทราบได้แน่ชัด แต่รู้แน่ว่า มีคนอาศัยอยู่เมืองใต้ดินนี้ตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล นั่นหมายถึงกว่า 4,000 ปีก่อน ว้าวววว! ผู้คนย้ายลงอาศัยในถ้ำใต้ดิน เผื่อเหตุผลของเรื่องความปลอดภัย หากมีศัตรูบุกเข้ามาทำร้าย แต่โดยปกติก็อาศัยอยู่บนดิน โดยการหลบลงไปอยู่ใต้ดินเป็นการซ่อนตัวที่ดีที่สุด ซึ่งการลงไปอยู่ใต้ดิน ไม่ออกมาเห็นแสงตะวันเลยนั้นนานถึง 6 เดือนถึงหนึ่งปี นับเป็นสิ่งไม่ธรรมดาเลยทีเดียว บริเวณนี้มีเมืองใต้ดินอยู่หลายแห่ง บางแห่งมีอุโมงค์ลับเชื่อมถึงกัน หากศัตรูค้นพบเมืองใต้ดินแห่งนึง ผู้คนก็จะหลบหนีไปอีกเมืองใต้ดินด้วยอุโมงค์ลับนี้เอง
วันที่สอง - ผู้คนสมัยก่อนขุดสร้างนครใต้ดินนี้ได้อย่างไร?
วันที่สาม - การเข้าชมนครใต้ดินไคมัคลี Kaymakli Underground City
นครใต้ดินไคมัคลี Kaymakli Underground City ในการเข้าชมเราต้องเข้าด้วยกันเป็นหมู่คณะ ไม่สามารถแยกได้ เพราะอาจมีอันตราย ด้านในเป็นวันเวย์ และมีกรุ๊ปที่เยี่ยมชมต่อๆ กัน มีนครใต้ดินหลายแห่งในตอนใต้ของคัปปาโดเกีย ไคมัคลี คือหนึ่งในนครใต้ดินที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเราเข้าไปถึงภายใน ชั้นแรกเป็นชั้นบนสุด ซึ่งจัดไว้เป็นห้องเก็บสัตว์เพราะสามารถเก็บกวาดทำความสะอาดง่าย และเรื่องของกลิ่น จากจุดนี้เราจะเดินลึกลงไปเรื่อยๆ และถ้าหากว่าเราหลงจากกรุ๊ป เราก็สามารถสังเกตลูกศรสีแดงซึ่งแสดงทางเดินที่เราจะไป และลูกศรน้ำเงินซึ่งบอกทางออกและกลับมาที่จุดเดิมนี้ ไปค่ะ เราจะเดินตามลูกศรแดงลงนครใต้ดินด้วยกันค่ะ
วันที่สี่ - ห้องที่ใช้เป็นโบสถ์
เมื่อเราสัมผัสกำแพง เราจะรู้สึกถึงผงฝุ่น นุ่มมือ เพราะถ้ำเหล่านี้เป็นหินตะกอนจากเถ้าภูเขาไฟ นครใต้ดินใหญ่แห่งนี้มีห้องอยู่มากมาย และตอนนี้เราเข้ามาถึงห้องที่ใช้เป็นโบสถ์ แต่ดั้งเดิมเมื่อนับพันปีก่อนคริสตกาล เค้าใช้เป็นห้องนั่งเล่น แต่เมื่อถึงในศตวรรษที่ 4 หลังพระเยซูกำเนิด และศาสนาคริสต์ก็เป็นศาสนาต้องห้ามในสมัยโรมัน จึงต้องหลบซ่อนจากทหารโรมัน เมื่อตอนที่เค้าค้นพบนครใต้ดิน เค้าจึงใช้ห้องนี้เป็นโบสถ์ และในช่วงนั้นก็มีโบสถ์ซ่อนอยู่หลายแห่งในคัปปาโดเกีย เราจะเห็นรูปไม้กางเขนสลักอยู่ที่กำแพง และเห็นร่องรอยของเขม่าควันเทียน และน้ำมันหยดจากเทียนซึ่งเคยใช้ในการนมัสการแต่ก่อนค่ะห้องต่อไปเป็นห้องเก็บอาหาร แบ่งเป็นช่องเล็กๆ ไว้เก็บอาหาร และมีช่องทางเชื่อมต่อไปสู่ห้องอื่นอีกหลายห้อง และมีหินซึ่งเค้าจะนำไปเสียบลงใช้ในการโม่ข้าวให้เป็นแป้ง และระหว่างห้องใหญ่ๆ จะมีอุโมงค์เชื่อมกัน ซึ่งอุโมงค์จะแคบเล็ก และต้องย่อเข่าให้เตี้ยมากๆ เวลาเดินผ่านไป ซึ่งถ้าคุณเป็นหนุ่มใหญ่ หรือสาวอวบ..มาก ก็ไม่สามารถเข้าเที่ยวนครใต้ดินได้นะคะ
วันที่ห้า - ห้องทำไวน์
วันที่หก - แม่น้ำไหลผ่านนครใต้ดิน