เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

เที่ยวตุรกี ปามุคคาเลย์ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ณ เมืองสองทวีป ประเทศตุรกี

เที่ยวตุรกี ปามุคคาเลย์ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ณ เมืองสองทวีป ประเทศตุรกี

22

Mar

ตุรกี

เที่ยวตุรกี ปามุคคาเลย์ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ณ เมืองสองทวีป ประเทศตุรกี

หากพูดถึง ปามุคคาเลย์ (Pamukkale) หรือ ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) เราจะนึกถึงดินแดนขาวโพลน กว้างใหญ่ ลดหลั่นเป็นชั้น ดูเหมือนนุ่ม ปุย ขาว ราวกับหิมะ แต่นั่นคือลานแคลเซียมที่สวยที่สุดในโลกค่ะ ^_^ ปลายปี 2016 ชาขมได้มีโอกาสกลับมาเยือนปามุคคาเลย์ หรือปราสาทปุยฝ้ายเป็นครั้งที่ 4 ... คราวนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อนๆ เพราะพื้นที่แห่งนี้ มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเดิมในแต่ละวาระเวลา ชาขมจะขอเล่ากลับไปเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาลว่า พระเจ้าอูเมเนสที่ 2 (Eumenes II) กษัตริย์แห่งนครเพอกามันได้ตั้งเมืองไว้ใกล้ๆ กันเพราะเชื่อว่าน้ำแร่แห่งปามุคคาเล่ย์สามารถรักษาโรคได้หลายโรค ไม่ว่าจะเป็นหอบหืด ไขข้อ และโรคผิวหนังได้ชะงัดนัก.. พระองค์จึงทรงตั้งพระนครไว้ใกล้ๆ ชื่อนครเฮียราโพลิส Hierapolis ซึ่งเฮียรา Hiera แปลว่าศักดิ์สิทธิ์ หรือความสุข ดังเช่นคำว่า Happy หรือ Holy และคำว่า โพลิส Polis แปลว่าเมืองใหญ่ จนเมื่อปี ค.ศ. 1989 องค์การยูเนสโก้ได้แต่งตั้งให้เมืองปุยฝ้ายแห่งนี้สถานปนาขึ้นเป็นเมืองมรดกโลก


*** เกร็ดความรู้ ***

ด้วยความเชื่อในสมัยโบราณว่า ปามุคคาเล่ เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดอาการต่างๆ ทำให้ในอดีต ชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล่ ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี จนเมื่อปี 2531 องค์การยูเนสโก้ ขึ้นทะเบียนให้เปามุคคาเล่ เป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการร่วมกับเมือง ฮีเอราโพลิส จึงได้มีการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบแช่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สถานที่แห่งนี้เกิดความเสียหาย

วันที่หนึ่ง - น้ำพุร้อนเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงมาเป็นปราสาทปุยฝ้าย

ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว น้ำพุร้อน หรือน้ำแร่ ได้นำพาแร่แคลเซียมคาร์บอเนตนี้ไหลมาตามชั้นหิน เกิดเป็นแอ่งน้ำ หรือเทอร์เรส Terrace ตามธรรมชาติ เมื่อน้ำแร่ไหลไปตามพื้นหิน แคลเซียมจะเกาะตัวติดอยู่กับหิน ส่วนคาร์บอนเนตจะแปรสภาพกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์แยกตัวไป นานๆ เข้าแคลเซียมขาวจะเกาะเต็มพื้นหินบนภูเขาจนมองไม่เห็นพื้นหิน พื้นดิน ซึ่งเวลาที่เราลงไปเดินนั้น เราจะสัมผัสได้ถึงแร่ผงละเอียดเหมือนแป้งในน้ำแร่ ส่วนในทางน้ำไหลนั้นก็จะมีพืชน้ำเขียวๆ เส้นๆ ซึ่งน่าจะเป็นสาหร่ายอยู่ที่พื้นของลำธาร … และถ้าเราไปเที่ยวในฤดูร้อน เราจะเห็นฝรั่งใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินนี่ นั่งแช่ในเทอเรส หรือแอ่งน้ำ หรือในแอ่งลำธาร ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเค้ายังคงเชื่อในเรื่องน้ำแร่นี้ช่วยรักษาโรคได้ แม้ว่าคงไม่อาจสามารถรักษาโรคร้ายแรง แต่โรคผิวหนัง ชาขมก็คิดว่า น่าจะได้อยู่นะคะ เพราะแค่เราเดิน..เท้าเรายังสัมผัสถึงผงแร่แคลเซียมนิ่มๆ ในพื้นน้ำได้เลยค่ะ...นุ่มเท้าบ้าง หินแห้งแข็งเจ็บเท้าบ้าง สนุกดีค่ะ ^_^

ชาขมได้ไปครั้งแรกเมื่อเมษายน 2014 เป็นช่วงเวลาที่มีแดดกำลังดีค่ะ เราไปถึงในช่วงเวลากลางวัน แดดสวย และน้ำพุ หรือน้ำแร่ที่หล่อพื้นบริเวณปามุคคาเลย์อุ่นกำลังดี แสงสวยค่ะ ถ่ายรูปได้เป็นนาน อากาศดี ทำให้เรามีอารมณ์ที่จะเดินเอาเท้าเราลองจุ่มในธารน้ำไหลดู คือแปลกค่ะ ข้างใต้ธารน้ำนี้ มันมีสาหร่ายอยู่ข้างใต้ สยึ๋มกึ๋ยเท้าแปลกดีค่ะ ส่วนบริเวณน้ำที่อยู่ในเทอเรสก็สะท้อนแดดเป็นสีฟ้าเขียว สวยมากๆ เลยค่ะ

วันที่สอง - มาปราสาทปุยฝ้าย ปามุคคาเลย์ ประเทศตุรกี มาแต่ละฤดูบรรยากาศแตกต่างกันนะจร้า

ครั้งที่ 2 พาสื่อไปถ่ายทำเมื่อกุมภาพันธ์ 2015 โอ้ววว คราวนี้เราบินหนีหิมะที่เริ่มตกในกรุงอิสตันบูลมาลงที่สนามบินเมือง Denizli แล้วนั่งรถต่อมายัง Pamukkale แห่งนี้ อากาศค่อนข้างครึ้ม เนื่องด้วยเป็นฤดูหนาว พื้นหินแคลเซียนนี้เย็นเฉียบค่ะ ชาขมเห็นน้ำพุร้อนๆ พุ่งขึ้นมาจากท่อน้ำ ตรงบริเวณข้างๆ ลานที่เราถอดรองเท้าเริ่มเดินลงมา น้ำแร่นี้ควันขโมง ซึ่งร้อนมากค่ะ เพราะชาขมเอาเท้าไปแช่ในธารน้ำตรงบริเวณต้นน้ำ อืมมม ร้อนนนนค่ะ ดีตรงที่เราสามารถนั่งขอบลำธาร ซึ่งเย็นก้นอยู่ และเอาเท้าแช่น้ำแร่ซึ่งอุ่นมากได้อย่างสบาย พร้อมดูวิวเมืองเก่าแห่งนี้ได้อย่างชิลอารมณ์ ^_^ แต่ว่าภาพที่ถ่ายออกมานั้น อาจไม่ค่อยสวยแจ่มค่ะ ก็แสงมันไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่เนาะ

วันที่สาม - สัมผัสความงามของปราสาทปุยฝ้าย ปามุคคาเลย์ ประเทศตุรกี

แต่ต้องบอกว่า ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือนปามุคคาเลย์ หรือปราสาทปุยฝ้ายแห่งนี้ เมื่อพวกเราเดินลงไป เราจะได้ยินเสียงว้าววว เสียงพูดคุยชื่นชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สรรสร้างวิวที่สวย และลานขาวราวหิมะนี้ขึ้นมาได้นับพันๆ ปี และเสียงหัวเราะของเพื่อนฝูงที่มาแวะชมสถานที่นี้ด้วยกัน .. สำหรับชาขม การมาเที่ยวแล้วมีเสียงหัวเราะแห่งความสุข มันเป็นความสุขที่มากกว่าของคนที่ได้พามา.. และชาขมหวังว่า เพื่อนๆ ที่ติดตามบทความนี้จะได้เห็นภาพ และมีความสุขไปกับการพาเที่ยวด้วยตัวหนังสือ และภาพของชาขมนะคะ