เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

เที่ยวตุรกี ต้องมาบ้านพระแม่มารี ณ เมืองเอเฟซุส ตุรกี สถานที่สำคัญของชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม

เที่ยวตุรกี ต้องมาบ้านพระแม่มารี ณ เมืองเอเฟซุส ตุรกี สถานที่สำคัญของชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม

22

Mar

ตุรกี

เที่ยวตุรกี ต้องมาบ้านพระแม่มารี ณ เมืองเอเฟซุส ตุรกี สถานที่สำคัญของชาวคริสเตียนและชาวมุสลิม

ณ เมืองเซลชุก (Selcuk) เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดอิสเมียร์ (Izmir) ประเทศตุรกี ซึ่งสถานที่สำคัญและสวยงาม อย่างบ้านพระแม่มารี และเอเฟซุสตั้งอยู่ในเมืองนี้..
บ้านพระแม่มารี (THE VIRGIN MARY'S HOUSE) ในศวรรษที่ 1 ตั้งแต่ตอนที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเกงที่กรุงเยรูซาเลม พระองค์ได้มองลงมาที่นางมารี กะจอห์น และพูดกะนางว่า “จอห์นเป็นบุตรชายของท่าน” และมองไปทางจอห์น และพูดว่า “นางมารี คือมารดาของท่าน” ที่กล่าวแบบนั้น เพราะพระเยซูต้องการให้จอห์นปกป้องนางหลังพระองค์สิ้นไป ซึ่งจอห์นก็รู้ดีว่า การอยู่ในเยรูซาเลมนั้นไม่ปลอดภัย จึงหาที่ปลอดภัย และย้ายมาที่เมืองเอเฟซุส ทั้งสองจึงมาที่หุบเขาแห่งนี้ และสร้างบ้านบนยอดเขาใน ค.ศ.37-48 แต่ทั้งสองไม่ต้องการอยู่ในเมืองเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าย้ายมาอยู่ที่นี่ บนเขานี้จึงเป็นทำเลที่ดีมาก เพราะห่างจากผู้คน แต่ใกล้เมืองพอที่จะซื้ออาหาร และข้าวของได้สะดวก นับเป็นที่ที่สงบมาก และนางมารีได้เสียชีวิตที่นี่ ซึ่งจอห์นได้ฝั่งร่างของนางไว้ใต้บ้านนี้

วันที่หนึ่ง - บ่อน้ำสำหรับพิธีบัพติสมา ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 6

เมื่อเริ่มเดินเข้าไปในบริเวณ จะเห็นบ่อน้ำสำหรับพิธีบัพติสมา ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 6 โดยพระเจ้าจัสติเนียน แห่งจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) ผู้ทรงมุ่งมั่นที่จะยึดแคว้นของจักรวรรดิ์โรมันเดิมที่ถูกพวกอนารยชนบุกทำลายกลับคืนมา พระองค์ ได้บูรณะ และสร้างโบสถ์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ แต่ หลังจากพระเจ้าจัสติเนียนบูรณะที่แห่งนี้ในศตวรรษที่ 6 ดินแดนนี้ก็สูญหายเมื่อชาวอาหรับมุสลิมได้เข้ามายึดครอง ผู้คนก็ลืมเลือนไป จนศตวรรษที่ 19 หญิงสาวชาวเยอรมันชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช (Anna Catherine Emmerich) เธอฝันเห็นป่า และทางเดิน.. สุดทางเดินเธอเห็นพระแม่มารี ซึ่งตัวเธอนั้นตาบอดแต่กำเนิด และเธอไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลย เธอฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจึงตัดสินใจเล่ารายละเอียดต่างๆ ที่เธอฝันเห็นให้พระฟัง จึงได้มีการค้นหาตามคำบอกเล่า และคิดว่าน่าจะเมืองเซลชุกแห่งนี้ คณะจึงได้เดินทางมาและเห็นสิ่งต่างๆ เห็นบ้านตามคำเล่านั้น และพบในปี ค.ศ. 1891  
บ้านนี้เป็นบ้านอิฐชั้นเดียว มี 2 ห้องไม่ใหญ่นัก เชื่อว่าร่างของนางมารีถูกฝั่งไว้ลึก 100 เมตร แต่ก็ไม่มีการพิสูจน์ทางโบราณคดีเพราะเป็นสถานที่ทางศาสนา ระดับฐานรากนั้นสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ส่วนอื่นๆ บูรณะสมัยพระเจ้าจันติเนียนในสมัยศตวรรษที่ 6 ภายในบ้านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ..ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่ง พระสันตปาปา โป๊ปเบเนดิกส์ที่ 16 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ เราสามารถเข้าไปจุดเทียนอธิษฐาน หรือร่วมทำบุญได้ และใกล้ทางออกมีภาพวาดของนางมารี ถัดจากตัวบ้านมา เราจะเห็นเป็นก๊อกน้ำเรียงกัน 4 อัน คือ Holy Fountain หรือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก แต่เนื่องด้วยเค้าไม่สามารถระบุได้ว่าอันไหนเป็นอันจริง จึงแนะนำให้ดื่มน้ำจากทั้ง 4 ก๊อก และถัดมาข้างๆ คือ Wishing Wall หรือกำแพงอธิษฐาน เราสามารถเขียนคำอธิษฐานใส่ผ้าฝ้าย หรือกระดาษและติดไว้ เพื่อคำขอ หรือคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง สถานที่นี้มีความสำคัญต่อชาวมุสลิมเช่นกัน เพราะมุสลิมเชื่อในพระเยซู แต่เชื่อในมูฮาเมด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ซึ่งเกิดขึ้นที่หลัง ดังนั้นจึงเชื่อในพระนางมารีด้วย