เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

ข้อมูลท่องเที่ยว

/

เที่ยวญี่ปุ่น

แลนด์มาร์ก 1 ใน 3 ที่ได้รับความนิยมที่สุด สะพานคินไตเคียวแห่งญี่ปุ่น (Kintaikyo)

แลนด์มาร์ก 1 ใน 3 ที่ได้รับความนิยมที่สุด สะพานคินไตเคียวแห่งญี่ปุ่น (Kintaikyo)

173

  สะพานคินไตเคียวเป็นสะพานที่มีจุดเด่น และมีชื่อเสียงมาก เป็นสะพานโค้งไม้ 5 โค้ง รูปทรงสะพานถูกสร้างให้ออกมาแนวโบราณญี่ปุ่น ถ้าพูดถึงก็ดูไม่ค่อยมีอะไรสักเท่าไร แต่ถ้าได้ไปเห็นของจริงบอกเลยว่าสวยมาก วิวโดยรอบมองเห็นภูเขามีอาคารบ้านเรือนตั้งสลับกันไปมา ให้บรรยากาศแบบธรรมชาติโดยแท้ และในแต่ฤดูกาลจุดสะพานคินไตเคียวยังเป็นจุดแลนด์มาร์คที่มีนักท่องเที่ยวแวะไปถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ในช่วงฤดูใบผลิ โดยรอบจะมีดอกซากุระเบ่งบานสวยอมชมพูงดงามเข้ากับตัวสะพานสุดๆ     ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยไม่แพ้กัน ใบไม้สีส้มอมแดงเรียงรายสวยมาก ไฮไลท์คือฤดูหนาวหิมะโปรยปรายสีขาวสวยงดงามตามรอยภาพยนตร์ เหมือนหลุดไปในฉากเลยก็ว่าได้ สะพานคินไตเคียว เป็นสะพานไม้ที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ที่เมืองอิวะคุนิ ( Iwakuni ) ในจังหวัดยะมะงุชิ ( Yamaguchi ) มีลักษณะเป็นสะพานไม้ 5 โค้ง กว้าง 5 เมตร ความยาว 193.3 เมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย     สะพานนี้มีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง และเมื่อยิ่งได้ชมไปพร้อมๆกับทัศนียภาพโดยรอบที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูแล้ว ก็ยิ่งมีความสวยสดงดงามอย่างมากเลยทีเดียว แค่ได้เดินข้ามผ่านสะพานไม้แห่งนี้ก็รู้สึกดีแล้ว และไปเที่ยวที่สะพานคินไตเคียวแห่งนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวเลย เพียงแค่เดินข้ามสะพานไปก็จะมีร้านไอศครีม ชื่อร้านว่า มุซาชิ ภายในร้านแห่งนี้ยังมีซอฟท์ครีมให้ลิ้มลองมากกว่า 100 รสชาติ ยังไม่หมดนะ ยังมีอาหารกลางวันที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นประจำถิ่น ที่มีการนำข้าวซูชิมาผสมกับรากบัว ปลาอาจิ ไข่ฝอย เห็ดชิตะเกะ วางคั่นกับผักสลับไปมา วางซ้อนๆกันหลายๆชั้นลงข้างในกล่องไม้ ปิดฝาและกดแน่นๆ ในการทำแต่ละครั้งสามารถกินได้มากกว่า 10 คนเลย คนสมัยเล่ากันว่า เมื่อสมัยก่อนก็ใช้วิธีนี้เป็นวิธีการบรรจุอาหาร เพื่อขนย้ายเข้าไปให้แก่ผู้คนในปราสาทในยามที่กำลังมีสงคราม เพราะปราสาทอิวะคุนิ ซึ่งอยู่บนเขาทำให้การขนย้ายจึงลำบาก วิธีนี้ทำให้ง่ายขึ้นจึงใช้เก็บอาหารและเอาออกมาแบ่งกันกินในภายหลัง    สะพานคินไตเคียว เมื่อก่อนยังไม่มีค่าเข้าชมนะคะ แต่ตอนนี้มีแล้ว ที่ต้องเรียกเก็บค่าเข้าชมเพราะว่าสะพานคินไตเคียวแห่งนี้ได้รับการบูรณะใหม่เป็นครั้งแรกจากสะพานเดิม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 2 ร้อยล้านเยน จึงทำให้ต้องมีการเก็บค่าเข้าเพื่อเป็นการบำรุงรักษาตัวสะพานและย้อนกลับไปสู่ภาครัฐไปในตัว ที่สะพานคินไตเคียวนี้เราสามารถเดินข้ามได้ตลอดเวลา ถ้าหากไม่มีเจ้าหน้าที่ก็หยอดเงิน 300 เยน ใส่กล่องได้เลยค่ะ  ค่าข้ามสะพาน ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน   ถ้าใครสนใจอยากจะซื้อแบบเป็นเซท โดยรวมตั๋วกระเช้าไฟฟ้า และค่าเข้าปราสาทอิวาคุนิรวมไปด้วยก็สามารถซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ แบบเซท ผู้ใหญ่ 940 เยน เด็ก 450 เยน สิ่งที่ห้ามทำบนสะพานเลย นั่นก็คือ ห้ามสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหารบนสะพานเด็ดขาดนะคะ สถานที่เที่ยวใกล้ขอแนะนำเป็น ปราสาทอิวาคุนิสร้างขึ้นในปี 1608 ตั้งอยู่บนเขาและสามารถมองเห็นวิวเมิองอิวาคุนิรวมไปถึง สะพานคินไตเคียวได้ด้วย วิธีการเดินทางไปยังปราสาทอิวาคุนิแบบง่ายๆคือ ขึ้นโรปเวย์หรือกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากสะพานคินไตเคียว จากนั้นเมื่อขึ้นมาถึงข้างบนแล้ว ก็เดินต่อเพียง 5 นาทีก็ถึงปราสาทแล้วค่ะ เวลาทำการ  เวลาทำการของปราสาทคือ 9.00-16.45 น. โดยวันหยุดของปราสาทาอิวาคุนินั้น ก็ขึ้นอยู่กับวันหยุดของโรปเวย์ด้วยค่ะ ถ้าหากไม่ได้ซื้อตั๋วแบบเซ็ทที่กล่าวไว้ ก็มาสารถซื้อบัตรเข้าปราสาทเพิ่มได้ค่ะ ผู้ใหญ่ 260 เยน เด็ก 120 เยนวิธีการเดินทางไปสะพานคินไตเคียวมี 2 วิธี   จากสถานี อิวาคูนิ  ถึง สถานีคินไตเคียว ใช้เวลา 20 นาที ค่ารถบัส 250 เยน (บัสจะออกทุกๆ 5-15 นาที)   จากสถานี ชินอิวาคูนิ ถึง สถานีคินไตเคียว ใช้เวลา 15 นาที ค่ารถบัส 290 เยน (บัสจะออกชั่วโมงละ 2-3 คัน)

คุณอาจคาดไม่ถึง ทำสิ่งเหล่านี้แล้วผิดกฏหมาย ในประเทศญี่ปุ่น

คุณอาจคาดไม่ถึง ทำสิ่งเหล่านี้แล้วผิดกฏหมาย ในประเทศญี่ปุ่น

249

  ใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือไปต่างบ้านต่างเมือง เราควรศึกษากฎหมายและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ไว้บ้างก็คงไม่เสียหาย จะได้ไม่เผลอทำผิด อย่างเช่นวันนี้แอดจะมาบอกถึง สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าทำแล้วผิดกฎหมาย ของประเทศญี่ปุ่น มีอะไรบ้างลองมาดูกัน การแซงคิว    แน่นอนใครจะไปคิดว่าการแซงคิวในประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายแล้ว การแซงคิวผู้อื่น ถือว่ามีความผิดมีโทษเท่ากับการถ่มน้ำลายในสวนสาธารณะ มีโทษ จำคุกสูงสุด 30 วัน หรือปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 เยน หรืออาจโดนบันทึกไว้ในประวัติอาชญากรรมข้อหาแซงคิวถุยน้ำลายลงบนพื้นที่สาธารณะ    ถุยน้ำลายขากเสลดบนพื้นในสวนสาธารณะ บ้านเมืองในญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับพื้นที่ส่วนรวม โดยเฉพาะความสะอาด ถ้าเกิดเผลอทำตามใจละเมิดกฏละก็ อาจทำให้มีโทษติดคุกสูงสุด 30 วัน หรือปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 เยน  (300-3,000 บาท) และอาจโดนบันทึกไว้ในประวัติอาชญากรรม ไปญี่ปุ่นอย่าเผลอถุยน้ำลาย ทิ้งมั่วซั่วนะคะ ดื่มแอลกอฮอล์แล้วปั่นจักรยาน    ดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปปั่นจักรยาน ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่นเลยนะคะ ไม่ใช่แค่การขับขี่จักรยานเท่านั่น เพราะนี่หมายถึงการดื่มแล้วขับยานพาหะนะทุกชนิด เพราะคุณอาจโดนปรับสูงสุด 1 ล้านเยน ( ราวๆ 308,000 บาท) หรือจำคุกสูงสุด 5 ปีและถ้าไม่หยุดตามสัญญาณไฟจราจรจะโดนปรับ 5 แสนเยน (154,000 บาท) หรือติดคุก 3 เดือนอ้วกบนรถแท็กซี่    ถ้าเกิดเราอ้วกบนรถแท็กซี่สาธารณะ นั่นเป็นเรื่องใหญ่มากของญี่ปุ่น เพราะนั่นอาจหมายถึงการทำลายทรพย์สินของผู้อื่น เจ้าของรถแท็กซี่สามารถเรียกค่าเสียหายและค่าบำรุงรักษารถจากเราได้ ค่าเสียหาย เป็นไปตามที่ตกลง หากเราไม่จ่าย คนขับแท็กซี่สามารถเอาผิดเราทางกฎหมายได้ห้ามปีนเสาโทรศัพท์    ห้ามปีนเสาโทรศัพท์และเข้าใกล้เสาสัญญาณต่างๆมากเกินไป นอกจาก จะอันตรายกับตัวเราเองแล้ว อาจผิดกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นด้วย เพราะคนที่จะปีนได้ต้องมีใบอนุญาตจากการไฟฟ้าเท่านั้น สูบบุหรี่ในบริเวณที่ห้ามสูบ   ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีเครื่องหมายสัญลักษณ์ห้ามสูบ เป็นกฏสำคัญของชาวญี่ปุ่นที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้ายังฝ่าฝืนจะต้องโดนค่าปรับหรือจำคุกตามกฏหมายของทางญี่ปุ่น โทษฐาน ฝ่าฝืนกฎและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน นอกจากจะผิดกฏหมายแล้วคุณอาจจะถูกตำหนิโดยผู้คนที่พบเห็นอย่างซึ่งๆหน้าดูถูกผู้อื่น    หากดูถูกเยาะเย้ยผู้อื่นให้ได้รับความอับอายต่อหน้าผู้คน ถือเป็นการกระทำที่ชาวญี่ปุ่นนั่นรังเกียจเป็นอย่างมาก แม้จะต่อหน้าคนอื่นหรือไม่ต่อหน้าก็ตาม หากผู้นั้นไม่ได้ยินยอมถือว่ามีมีความผิดทางกฎหมาย อาจจะได้ไปนอนเยาะเย้ยในคุกแทน ห้ามทิ้งขยะ    กฎหมายของทางญี่ปุ่นหรือว่าของประเทศไหนรวมถึงไทยเราเองด้วย ก็เข้มงวดเรื่องการทิ้งขยะถูกไม่ถูกที่ถูกทาง ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่ทางญี่ปุ่นนั้นมีกล้องวงจรเยอะมาก สำหรับจับตาตามจุดสำคัญที่มีคนแอบทิ้งขยะบ่อย ควรทิ้งขยะให้ถูกที่ ถึงแม้ขยะชิ้นนั้นจะเล็กแค่ไหนก็ตาม จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง ขโมย   การขโมยของผู้อื่นหรือหยิบของผู้อื่นไปโดยที่ไม่ได้ขอ หรือเจ้าของไม่รับรู้ ถือว่าเป็นการขโมย มีโทษทางกฎหมาย และเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก กระทั้งการเก็บของผู้อื่นได้แล้วเผิกเฉย ก็มีโทษตามกฏหมาย ทั้งปรับและจำคุก ซึ่งกฎหมายของญี่ปุ่นจะเข้มงวดมาก ห้ามทำเด็ดขาดพูดเสียงดัง   ใครจะไปคิดแค่พูดเสียงดัง ที่ต่างประเทศก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมายแล้ว ที่ญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน การพูดเสียงดังเกินไปในที่สาธารณะ ทำให้ผู้อื่นได้รับความรำคาญเดือดร้อน คุณอาจจะโดนแจ้งจับข้อหา พูดจาเสียงดังทำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้เคียงรำคาญ อาจมีโทษปรับและจำคุกก็ได้   ถ้าอยู่ประเทศไทยบางสิ่งบางอย่าง  อาจจะยอมความไกล่เกลี่ยกันได้ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น ถ้าทำผิดกฎหมาย ก็คือผิด เพราะฉะนั้นควรศึกษาดี การวางตัว นั้นสำคัญไม่ว่าจะไปประเทศไหนๆ ควรให้เกียรติแก่สถานที่นั้นๆด้วย

หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ ฟูนายะ เมืองชนบทในญี่ปุ่น

หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ ฟูนายะ เมืองชนบทในญี่ปุ่น

184

   หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ ฟูนายะ เมืองชนบทในญี่ปุ่นในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียง ทำให้ในปัจจุบันมีสิ่งที่น่าสนใจตกทอดมาหลายอย่าง ตั้งแต่ประเพณีการแสดงต่างๆ อาหารขึ้นชื่อเฉพาะของหมู่บ้านแท้ๆ และการแต่งกาย จุดเด่นของหมู่บ้านนี้คือรูปแบบของบ้านเรือนต่างๆที่เรียงกันอยู่ 230 หลังริมอ่าวIne ที่ไม่เหมือนที่ไหนๆในญี่ปุ่นเลย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่นี้เลยก็ว่าได้ ปัจจุบันนี้เมืองอิเนะแห่งนี้ กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก     เมืองอิเนะเป็นเมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกียวโต มีประชากร 2,500 คนอาศัยอยู่เลียบแนวเส้นโค้งที่ทอดยาวของอ่าวอิเนะ เรียงรายไปด้วยบ้านลักษณะแปลกตาที่เรียกว่า ( ฟุนายะ ) เป็นลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมในท้องถิ่น โดยด้านล่างจะเป็นท่าเรือ อาชีพหลักของหมู่บ้านแห่งนี้คงไม่พ้นชาวประมงแน่นอนส่วนมาก เพราะเมืองแห่งนี้มีอุตสาหกรรมการประมงที่เฟื่องฟูมาก แหอวนก็เป็นหนึ่งในทักษะการตกปลาที่สำคัญที่สุดของชาวประมง ในเมืองอิเนะ ผู้มาเยือนจะได้เรียนรู้พื้นฐานการใช้แหอวนจากชาวประมงซึ่งอาจนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยกิจกรรมผูกเชือกป่าน    เมื่อเรียนรู้พื้นฐานแล้ว ท่านยังสามารถสร้างลูกลอยแก้วของตัวเองได้โดยการนำเชือกป่านมาผูกมัดรอบลูก ในอดีตชาวประมงจะใช้ลูกลอยแก้วเหล่านี้เป็นทุ่น จนกระทั่งทุ่นเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยทุ่นพลาสติก เหมาะสำหรับเป็นของที่ระลึกในการท่องเที่ยวครั้งนี้ กิจกรรมล่องเรือ   นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมอ่าวอิเนะ ท่องเที่ยววนรอบอ่าวอิเนะซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านแบบฟุนายะ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยทรงหมู่บ้านที่สวยงามแปลกใหม่ รายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวดูแล้วสบายตา เหมาะกับการพักผ่อน กิจกรรม นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารกับฝูงนกนางนวลที่บินแวะเวียนมาที่เรืออีกด้วย โดยอาหารจะใช้เป็นข้าวเกรียบกุ้งที่ท่าเรือจำหน่าย เป็นอาหารสำหรับให้นกโดยเฉพาะ และการจะเที่ยวชมบ้านเรือนริมน้ำก็ทำได้หลายวิธี จะชื่นชมอ่าวอิเนะทางเรือก็ได้ หรือจะใช้จักรยานก็ได้นะคะกิจกรรมปั่นจักรยาน    มีจักรยานให้ใช้ฟรีเลยค่ะ แต่เรือจะมีค่าใช้จ่ายนะคะ มีเจ้าหน้าที่ขับเรือพาชมอ่าวรอบนึงจะใช้เวลาราว 30 นาทีต่อรอบ แต่สำหรับจักรยานฟรีสามารถจับใช้ได้เลย มีจอดเอาไว้ให้ตามจุด ขับขี่เสร็จก็เอากลับมาคืน หรือไปคืนที่อีกจุดข้างหน้า มีจุดคืนตามทางเข้าไปในหมู่บ้าน คือจุดไหนก็ได้ค่ะ จะเรือ หรือจักรยานก็เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ    สำหรับใครที่ติดใจอยากพักผ่อนเอาบรรยากาศต่อ ก็สามารถพักแรมที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย พร้อมเพลิดเพลินกับเมนูอาหารประจำท้องถิ่นและอาหารทะเลสดๆ ที่จับได้ในอ่าวอิเนะอีกด้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมง อาหารทะเลก็ต้องสดอย่าบอกใคร สำหรับใครที่ชื่นชบการรับประทานอาหารทะเลเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว บอกเลยว่าการกินซาชิมิปลาสดๆ มันฟินจริงๆ โดยเฉพาะปลาบุริขึ้นชื่อของที่นี้แล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องหอยนางรมตัวเบ้อเริ่มที่สดมากๆ เรียกได้ว่าทานกันแบบจุใจไปเลย และยังมีโรงกลั่นสาเกอีกด้วยนะ โรงกลั่นสาเกมุไคชุโซ หากพูดถึงเหล้าบ้านเรา สาเกก็เป็นเหล้าชนิดหนึ่งที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกัน ที่หมู่บ้านอิเนะแห่งนี้    นอกจากเราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงแล้ว เรายังได้เรียนรู้เรื่องการกลั่นเหล้าสาเกที่โรงกลั่นสาเกมุไคชุโซ ซึ่งเปิดกิจการมานานกว่า 260 ปีแล้ว และเป็นที่เล่าขานกันว่าช่างฝีมือผู้กลั่นเหล้าญี่ปุ่นของที่นี่เป็นผู้หญิงทั้งหมด โดยเหล้าที่ได้รับความนิยมของที่นี่ก็คือ เหล้า“อิเนะมังไค” (Ine Mankai) ซึ่งจะมีรสหวานและมีสีคล้ายไวน์โรเซ่ นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังคงส่งออกสาเกทางน้ำเหมือนในอดีต เราสามารถเข้าไปดูกระบวนการผลิต และเลือกซื้อสาเกอันเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของที่กลับไปเป็นของฝากจุดชมวิวยอดฮิต   จุดชมวิวที่แนะนำ จุดชมวิว ฟุนะยะ โนะ ซาโตะเป็นจุดชมวิวอ่าวอิเนะจากมุมสูงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารที่จะเสิร์ฟปลาตามฤดูกาลที่จับได้ที่ท่าเรือประมงอิเนะ และยังมีร้านของฝากอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งได้ชมวิว แล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย การเดินทาง   โดยเดินทางจากเกียวโต โดยรถไฟและบัสเป็นเวลาราว 3 ชั่วโมง หรือเดินทางจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) โดยรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะ (Shirakawa-go) มรดกโลกหลังคาบ้านของชาวญี่ปุ่น

หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะ (Shirakawa-go) มรดกโลกหลังคาบ้านของชาวญี่ปุ่น

317

  หมู่บ้านชิราคาวะโกะ หมู่บ้านมรดกโลกที่ญี่ปุ่น ตั้งอยู่กลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุ เป็นหนึ่งในที่เที่ยวของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครก็ต่างอยากมา สัมผัสความงดงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ หมู่บ้านชิราคาวาโกะมีความสวยของธรรมชาติ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ล้อมไปด้วยเทือกเขา และแม่น้ำ หลังคาบ้านอันเป็นเอกลักษณ์สวยเหมือนมือพนม หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงดำรงการใช้ชีวิตที่มีมาแต่เดิมในอดีต เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 250 ปี จนเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านมรดกโลก การมาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้จะได้รับเสน่ห์กลิ่นไอความงดงามที่แม้ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรากเหง้าวัฒนธรรมของความเป็นญี่ปุ่น สะท้อนผ่านรูปทรงของบ้านแต่ละหลังที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า กัสโชสึคุริ กัสโช แปลว่า พนมมือ เหมือนหลังคาบ้านนั้นเอง    วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างต่างๆ ล้วนแต่มาจากวัสดุจากธรรมชาติทั้งหมด ความสวยงามของคนญี่ปุ่นสมัยก่อนสร้างมาให้เราได้เดินชม เที่ยวเล่น ถ่ายรูปสวยๆ การเดินเล่นรอบหมู่บ้านให้บรรยากาศเหมือนย้อนยุคเข้าไปในญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย และไม่ว่าฤดูไหนหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ก็สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันฤดูใบไม้ผลิ    แน่นอนว่า ถ่ายรูปสวยๆได้ทุกที่เลย เพราะมีซากุระเบ่งบาน หลังหมดฤดูหนาวก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่ต้นไม้ใบหญ้าจะกลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง ซึ่งในช่วงนี้อากาศจะเย็นสบายกำลังดี ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13 – 25 องศา ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงกลาง-ปลายเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง ถ่ายรูปได้สวยทุกมุม ให้ความรู้สึกสวยหวานโรแมนติกฤดูร้อน   ทั่วทั้งหมู่บ้านก็จะเต็มไปด้วยนาข้าวสีเขียวชอุ่ม อากาศหน้าหายใจสุดๆ หากใครอยากมาเห็นบรรยากาศหมู่บ้านในช่วงที่ทุ่งนาเขียวขจี ต้นไม้เขียวชอุ่ม ท้องฟ้าแจ่มใส ต้องมาช่วงฤดูร้อนเลยค่ะ เป็นช่วงที่เริ่มทำการเพาะปลูก มองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านได้แบบชัดเต็มตา เหมาะกับการเที่ยวกลางแจ้ง ถึงแม้จะเรียกว่าเป็นฤดูร้อน แต่ที่ ชิราคาวาโกะ อากาศก็ไม่ร้อนจัดเหมือนเมืองไทย เนื่องจากตั้งอยู่กลางทิวเขา อุณหภูมิประมาณ 27 – 33 องศา ช่วงต้นฤดูอาจจะมีฝนตกบ้าง แต่โดยรวมก็อากาศดี ได้เห็นหมู่บ้านในฟีลสดชื่นฤดูหนาว   เรียกว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของการเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่หลายคนรอคอยเลยก็ว่าได้ สำหรับช่วงฤดูหนาวที่ทั่วทั้งหมู่บ้านและภูเขาโดยรอบจะปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ดูฟูนุ่มมีเสน่ห์สวยงามหนาวจับใจ อุณหภูมิประมาณ -10 ถึง 0 องศา และจะมี เทศกาลแสดงไฟหมู่บ้านชิราคาวาโกะ หรือ Shirakawago Light Up ที่บ้านแต่ละหลังจะเปิดไฟยามค่ำคืน สร้างบรรยากาศที่สวยงาม โดยจะเปิดไฟเฉพาะคืนวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ บอกเลยว่าสวยโรแมนติกมากๆฤดูใบไม้ร่วง   ในช่วงนี้อากาศจะเริ่มกลับมาเย็นขึ้น อุณหภูมิประมาณ 10 – 18 องศา ใบไม้ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนสี จากสีเขียวกลายเป็นสีส้ม แดง น้ำตาล เหลือง สลับกันไป ทำให้ทั่วหมู่บ้านล้อมรอบไปด้วยสีสันของธรรมชาติ ดูสดใสไปอีกแบบ ช่วงเวลาแนะนำสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่คือ ปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน ได้ใส่เสื้อกันหนาวเบาๆ พร้อมกับวิวของใบไม้เปลี่ยนสีรวมจุดเช็คอินสำคัญ    มาหมู่บ้านชิราคาวาโกะทั้งที จะเหงาได้ไงกัน แอดมีจุดเช็คอินที่ต้องมาเช็คอิน ไม่อย่างนั้นก็เหมือนมาไม่ถึง ขอหยิบยกมาแนะนำ 4 จุดเด็ดๆ ไว้ปักหมุดไปถ่ายรูปกันได้เลย บ้านโบราณสามหลัง   มุมถ่ายรูปยอดฮิตในหมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ ที่ทุกคนมาแล้วต้องแวะ แชะถ่ายรูปเก็บไว้รัวๆ ก็คือ บ้านโบราณสามหลัง เป็นบ้านโบราณสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเรียงติดกันสามหลัง ถ้ามาแต่ละช่วงฤดูกาลก็จะได้ความสวยงามที่แตกต่างกัน ช่วงฤดูร้อนบริเวณด้านหน้าบ้านจะเป็นทุ่งนาเขียวขจี ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุ่งนาจะเป็นสีเหลืองทอง แต่ถ้ามาช่วงฤดูหนาวแปลงนาก็จะปกคลุมด้วยหิมะ ขาวโพลนไปทั่วพื้นที่ อยากได้มุมมองแบบไหนเลือกช่วงมาให้ดีๆ นะคะวัดเมียวเซนจิ   มาต่อกับ วัดเมียวเซนจิ เป็นวัดที่อยู่ทางเหนือของหมู่บ้าน มีความแตกต่างจากวัดทั่วไป ด้วยสถาปัตยกรรมแบบกัสโชสึคุริ คงความเก่าแก่ไว้ได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งภายในวัดยังเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น จัดแสดงงานและเครื่องใช้ต่างๆ สมัยอดีตของชาวบ้านอีกด้วย ถือเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจุดชมวิวเท็นชุคาคุ   เป็นจุดที่พลาดไม่ได้เลยกับ จุดชมวิวเท็นชุคาคุ ซึ่งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน หลายคนคงเคยเห็นภาพถ่ายมุมกว้างของหมู่บ้านสวยๆ ซึ่งมาจากจุดชมวิวนี้ทั้งนั้น การไปที่จุดนี้จะมีบริการรถรับ-ส่ง หรือจะเดินเรื่อยๆ จากหมู่บ้านขึ้นไปก็ได้ ออกกำลังเดินขึ้นเนินเขาเล็กน้อย พอขึ้นไปถึงแล้วก็จะได้ชมวิวสวยจับใจ หายเหนื่อยแน่นอนศาลเจ้าชิรากาวะ ฮาจิมัง   อีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเดียวในหมู่บ้านที่น่ามาเคารพสักการะก็คือ ศาลเจ้าชิรากาวะ ฮาจิมัง ศาลเจ้าที่ดูเรียบง่าย แต่คงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากผู้คนจะแวะเข้ามากราบไหว้ขอพรกันแล้ว ยังเป็นหอผลิตสาเกโดบุโรคุ (Doburoku) สาเกที่หมักจากข้าวในหมู่บ้าน ซึ่งช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลสาเกอีกด้วย ถ้าใครเป็นสายแข็งอยากลองชิมสาเกของที่นี่ก็แวะไปชิมกันได้นะการเดินไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะ   สามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้า (Osaka) หรือ นาโกย่า (Nagoya) มาลงที่เมืองคานาซาวา (Kanazawa) แล้วต่อรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะถึงหมู่บ้าน 

หุบเขาจิโงคุดานิ ฉายา

หุบเขาจิโงคุดานิ ฉายา "หุบเขานรก" แห่งเมืองโนโบริเบตสึ ญี่ปุ่น (Jigokudani Noboribetsu)

703

   หุบเขานรกจิโงคุดานิ ขึ้นชื่อมาก็น่ากลัวพอสมควรใช่ไหมล่ะ แต่จริงๆแล้วสถานที่แห่งนี้เป็นที่เที่ยวที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ ที่อยากจะมาเที่ยวญี่ปุ่น และอยากมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติของหุบเขาแห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่เป็นสถานที่เที่ยวที่นิยมอันดับต้นๆของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเอเชีย เพราะกระแสและชื่อเสียงที่มาจากเหล่าอินฟลูชื่อดัง ต่างพากันแบกกล่องมาที่นี่ไม่ขาดสาย   หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu ) มีฉายาหนึ่งว่า “Hell Valley” ตั้งอยู่เหนือย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ(NoboribetsuHot Springs) ในจังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) เรียกได้ว่าเป็นหุบเขาที่มีความงดงาม อีกทั้งน้ำร้อนในลำธารของหุบเขาแห่งนี้มีแร่ธาตุกำมะถัน ซึ่งก็เป็นแหล่งต้นน้ำของย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึนั้นเอง ชื่อขึ้นว่าหุบเขานรกแต่ไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด แต่กับกันอากาศที่นี้หนาวมาก     นักท่องเที่ยวต้องเดินตามเส้นทางเดินเรียบๆ ไปตามทางหุบเขา ประมาณ 20-30 นาที ถึงจะมีสะพานให้เดินลงไปถ่ายรูปได้ โดยทางเดินจะทำมาจากปูนปูเรียบตลอดทางและกำแพงไม้ป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินออกเส้นทาง เพราะสถานที่แห่งนี้มีน้ำพุร้อนที่ไม่สามารถสัมผัสได้ แต่ก็จะมีจุดที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนแช่เท้าสัมผัสบรรยากาศบ่อน้ำร้อนอุ่นๆ ตลอดทางเดินจะเป็นพื้นที่โล่งต้นไม้น้อยแต่ก็ยังจะพอมีต้นไม้ให้เราได้เห็นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งสวยและเข้ากับบรรยากาศบ่อน้ำพุมาก     จุดสำคัญจะได้เจอเป็นบ่อโอยุนุมะ (Oyunuma) ซึ่งบ่อนี้เป็นเป็นบ่อน้ำร้อนกำมะถัน อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส พอยิ่งขึ้นไปสิ่งที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็ตรงที่จะมีบ่อน้ำร้อนให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆตลอดทาง ก็จะเป็นบ่อเล็กๆ บางบ่อมีอุณหภูมิที่ร้อนกว่า และยังมีบ่อโคลนอีกด้วย น้ำที่ไหลออกจากบ่อโอยุนุมะ เป็นลำธารเรียกว่า “โอยุนุมะกาว่า (Oyunumagawa) ซึ่งไหลผ่านป่านเป็นแม่น้ำหลายร้อยเมตร จุดนี้เองเราสามารถนั่งเพลินพร้อมแช่เท้าท่ามกลางทัศนียภาพกันงดงามตระการตาของธรรมชาติที่แน่นมากๆ    ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยวสามารถไปได้ทุกวัน ชมการทำงานของพลังงานความร้อนใต้พิภพจากภูเขาไฟซึ่งยังคุกรุ่นอยู่ น้ำพุร้อนธรรมชาติคือสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งให้ความสนุกผ่อนคลาย แต่ว่าน้ำนั้นมาจากที่ไหนกันนะ ในโนโบริเบ็ทสึ คุณจะได้เห็นแหล่งกำเนิดของน้ำเหล่านี้พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน และมาผสานกับแร่ธาตุต่างๆ น้ำปริมาณมากกว่า 10,000 ตันที่ประกอบไปด้วยแร่ธาติจากธรรมชาติและจะถูกส่งไปยังโรงแรมและที่พักขนาดเล็กในเมืองอนเซ็น การเดินไปท่ามกลางบ่อน้ำร้อนตามทางไม้กระดาน แล้วสัมผัสกับความอบอุ่นที่ผิวคุณ สูดกลิ่นกำมะถัน ชมไอน้ำและสีสันจัดจ้านน่าทึ่งจากน้ำ หิน และต้นไม้ที่อยู่โดยรอบ สิ่งที่สำคัญอย่าลืมแต่งกายให้เข้ากับสถานที่ด้วยนะคะ จะได้สะดวกสบายในการท่องเที่ยว วิธีการเดินทางสามารถเดินทางมายังหุบเขานรกโนโบริเบ็ทสึ ได้ด้วยรถบัสหรือรถยนต์ จากสถานีโนโบริเบ็ทสึ ให้นั่งรถบัสมายังสถานีรถบัสโนโบริเบ็ทสึอนเซ็น จากที่นั่นจะมีทางไม้กระดานไปยังหุบเขานรก ใช้เวลาเดิน 5 นาที จากสถานีซัปโปโร ให้นั่งรถบัสด่วนหรือรถไฟ 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะมาถึง

อัพเดทวิธีเข้าประเทศญี่ปุ่น เที่ยวอย่างไรจะปลอดภัยและคุ้มค่า ฉบับ 2024

อัพเดทวิธีเข้าประเทศญี่ปุ่น เที่ยวอย่างไรจะปลอดภัยและคุ้มค่า ฉบับ 2024

184

   ญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ต่างพากันอยากจะมาสัมผัส วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่ขึ้นชื่ออีกมากมาย และที่สำคัญนั้นการเข้าญี่ปุ่น ยังเปิดกว้างสำหรับหลายๆประเทศอีกเช่นกัน วันนี้แอดเลยมีวิธีการเตรียมตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นว่าควรจะต้องเตรียมตัว เตรียมอะไรกันบ้าง ให้พร้อมกับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นฉบับอัพเดทใหม่ 2024 ไปดูเลยPassport   การเดินทางข้ามประเทศไม่ว่าจะประเทศไหนของมุมโลกล้วนต้องมีพาสปร์อต ถือเป็นหนึ่งในเอกสารสำคัญสำหรับนักเดินทางต้องมี และเป็นหัวใจสำคัญของการผ่านด่านแรกสำหรับการเข้าประเทศ อย่าง ต.ม. นอกจากต้องมีมันแล้ว พาสปอร์ตจะต้องมีความถูกต้องสมบูรณ์ ไม่เสียหาย และอย่าลืมเช็ควันหมดอายุกันให้ดีๆนะคะ อย่างน้อยต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือนนะคะ ไม่อย่างงั้นละก็ อาจจะไม่ใช่แค่ผ่าน ต.ม ไม่ได้แล้ว บางสายการบินอาจปฏิเสธการเกินทางของคุณได้เลยทันทีคะจองตั๋วเครื่องบิน   การจะไปเที่ยวโตเกียวทางไกลก็ต้องมีตั๋วเครื่องบินในการนำทาง ซึ่งปัจจุบันก็มีสายการบินให้เลือกกันอย่างมากมาย มีให้เลือกครบตามกำลังซื้อของแต่ละบุคคลได้ ทั้งนี้ราคาตั๋วเครื่องบินก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น การจัดโปรโมชั่นของสายการบิน การซื้อภายในบูธ หรือ การจองล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานๆ ก็ช่วยให้ได้ราคาดี หรืออีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้คุณสะดวกสบายขึ้นนั้น คือการจองโปรแกรมเที่ยวกับบริษัททัวร์ญี่ปุ่น  วิธีนี้ถือเป็นที่นิยมมากเลยทีเดียว นอกจากจะคุมงบได้แล้ว ยังมีคนดูและเรื่องเอกสารให้ด้วย แต่ยังไงก็ตามควรเลือกและดูบริษัททัวร์ที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือ สมัยนี้ของปลอมเยอะนะคะ จะดีที่สุด ควรดูจากรีวิวและประสบการณ์ของบริษัทนั้นๆ จองโรงแรม   จองโรงแรมที่พักจำเป็นมากอย่างหนึ่งเช่นกัน ปัจจุบันมีหลายต่อหลายวิธีให้เลือกจองกันได้โดยง่ายนะคะ ไม่ว่าจะทาง เว็บไซต์ต่างๆ หรือแอพพลิเคชั่นก็ดี แต่ก็ต้องบอกเลยว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเลยค่ะที่จะโดนเทระหว่างทาง ทางที่ดีควรเลือกจองกับเอเย่นทัวร์ที่น่าเชื่อถือและมีเครดิตมากพอค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกโรงแรมได้อย่างตรงจุดและตอบโจทย์ อย่างเช่น การจองโรงแรมใกล้ๆสถานที่เที่ยวจะทำให้สะดวกสบายในการเดินทาง หรือใกล้สถานีรถไฟ เป็นต้นทำแพลนเที่ยว   ไปต่างบ้านต่างเมืองเราไม่คุ้นหรือรู้จักสถานที่เที่ยวต่างๆมากนัก จึงจำเป็นต้องทำแพลนไว้ว่าเราจะไปพักที่ไหน ย่านนั้นๆมีอะไรให้เราไปเที่ยวได้บ้าง แถวไหนที่คนนิยมไปกันจะได้ไม่เสียเวลาคิดหา จะได้เที่ยวตามแพลนสนุกๆเพลินๆกันเลย อีกอย่างการไปเที่ยวต่างประเทศนั้น มีข้อจำกัดเรื่องเวลา บางคนมีข้อจำกัดเรื่องงบใช้จ่าย การที่เราแพลนว่าจะไปไหน กินอะไร และทำอะไรได้บ้างนั้น ก็ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ เพราะถ้าเกิดไม่แพลนก่อนแล้วทำให้เสียเวลาหรือพลาดตามสถานการณ์ขึ้นมาอาจจะทำให้หมดสนุกไปได้เลยลงทะเบียน visit Japan   การลงทะเบียนนี้จะทำไม่ทำก็ได้นะ แต่แนะนำทำไปเลยจะดีกว่าจะไปไม่ต้องเสียเวลาไปกรอกที่ ต.ม จะได้ประหยัดเวลาเราด้วย หรือบางสายการบินจะแจกให้ลงทะเบียนตั้งแต่ขึ้นเครื่องเลยค่ะ ทางที่ดีควรพกปากกาไปด้วยจะดีมาก แต่ถ้าจำเป็นต้องไปกรอกที่ ต.ม จริงๆก็ไม่เสียเวลามากนัก และมีตัวอย่างการกรอกให้ดูอีกด้วยซิมเน็ต   แอดแนะนำให้ซื้อจากไทยไปเลยจะได้ไม่ต้องหาซื้อให้เสียเวลา พร้อมใช้ไม่ต้องยุ่งยาก เนื่องจากการไปซื้อซิมที่ต่างประเทศนั้น อาจจะมีขั้นตอนให้ยุ้งยากพอควร วันนี้แอดเลยขอแนะนำว่า วิธีที่ดีที่สุดคือซื้อจากไทยไปได้เลย หรือใครไม่อยากเปลี่ยนซิม ก็ซื้อแพ็คเกจเน็ต สำหรับใช้ต่างประเทศไปได้เลย มีทุกเครือข่ายให้เลือก ราคาตามความเร็วแรงของเน็ต และสามารถเปิดใช้โรมมิ่งได้ในขณะอยู่ต่างประเทศ สะดวกมากๆค่ะแลกเงินสด   ห้ามลืมโดยเด็ดขาด ต้องแลกเงินสดติดตัวกันไว้ด้วยนะทุกคนจำเป็นมาก ไม่สามารถขาดได้เลย ควรมีเงิดสดทั้งเงินใช้และเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน หรือจะสมัครบัตร travel card เผื่อเงินสดไม่พอสามารถใช้ได้เกือบทุกร้าน แถมยังกดเงินสดได้ด้วยตามตู้เอทีเอ็มของญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามอย่าไว้ใจแค่ทางเลือกเดียว แอดแนะนำว่าควรจะมีเงินสดติดตัวไปด้วย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะซื้อประกันการเดินทาง   การเดินทางในทุกที่ย่อมมีความเสี่ยงค่ะ การซื้อประกันไม่ใช่เรื่องควรละเลย ปัจจุบันมีหลายบริษัทและหลายแพ็คเกจให้เลือก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่นต้องการเข้ารักษาพยาบาล สามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อเข้ารักษาที่สถานพยาบาลญี่ปุ่นได้ อีกอย่างประกันเดินทาง ไม่ได้ราคาแพงอย่างที่คิดเลยค่ะ สามารถเลือกซื้อได้ตามกำลัง เผื่อไว้จะได้เที่ยวเต็มที่และสบายใจการจัดกระเป๋าเดินทาง    การจัดกระเป๋าเดินก็ต้องพร้อม ควรเช็คสภาพอาการของช่วงเวลานั้นจะได้ง่ายกับการเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมของเรานั้นเอง หรือใครจะไปช้อปที่นู้นก็ได้นะเสื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยเยอะแยะมากมายจะได้ซื้อเสื้อผ้าสวยๆกลับมาด้วย ในเรื่องนี้เราอาจจะต้องคำนึ่งถึงน้ำหนังสัมภาระของเราที่สามารถขึ้นเครื่องได้ (ถ้าไม่อยากเสียค่าน้ำหนักเพิ่ม) ควรคิดว่าเราจะหิ้วอะไรกลับมาด้วยบ้าง ต้องคิดเผื่อไว้ แต่แอดอยากจะแนะนำอย่างหนึ่ง สำหรับนักเที่ยวสายกิน ไปญี่ปุ่นอย่าลืม น้ำจิ่มซีฟู๊ดค่าา ภาษี   เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่ทราบ หรือมองข้ามในเรื่องนี้ ว่าควรรู้และเตรียมตัวในการช้อปให้ดีนะคะ เพราะสินค้าหรือของบางอย่างอาจจะต้องเสียภาษีในการนำเข้าและออกนอกประเทศควรเช็คและศึกษาข้อมูลกันดีๆนะคะ จะได้หายห่วงเวลาผ่านด่านตรวจต่างๆ บางคนโดน บางคนไม่โดน มันอยู่ที่ดวงดีๆนี่เองค่ะ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้หิ้วกลับเยอะเกินไป หรือ ดูเป็นธุรกิจเกินไป ก็มักไม่เกิดปัญหาค่ะ     อย่างไรก็ตามจะเดินทางเที่ยวทั้งที ต้องเที่ยวอย่างมีความสุขและสบายใจที่สุดนะคะ ฉนั้นแล้วทุกข้อที่แอดมินนำเสนอวันนี้ มีประโยชน์สำหรับทุกคนแน่นอนค่ะ ไม่ควรมองข้ามหรือพลาดเลยสักข้อนะคะ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากไทยเป็นอันดับต้นๆ คนไทยเดินทางไปเที่ยวกันเยอะ คนญี่ปุ่นก็น่ารักค่ะ เขารักและเอ็นดูคนไทย เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ถ้าเงินพร้อมและมีเวลาต้องไปให้ได้เลยนะคะ